ศึกชิงเก้าอี้ผู้นำมะกันสูสีจัด4รัฐสมรภูมิแข่งขันเดือด
ใกล้เข้าไปอีกก้าวสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย.การแข่งขันระหว่างฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต และ โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน กำลังเข้มข้นทุกขณะ
โดย...ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์
ใกล้เข้าไปอีกก้าวสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย.นี้ และการแข่งขันระหว่างฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต และ โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน กำลังเข้มข้นทุกขณะ โดยจากผลสำรวจของซีเอ็นเอ็น/โออาร์ซี พบว่าในรัฐที่กำลังมีการแข่งขันอย่างสูสี 4 รัฐ ได้แก่ เพนซิลวาเนีย ฟลอริดา แอริโซนา และเนวาดา ซึ่งทรัมป์มีคะแนนนิยมมากขึ้นในรัฐดังกล่าว
ฮิลลารีนำทรัมป์ในรัฐฟลอริดา ซึ่งมีการแข่งขันที่สูสีที่สุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม แม้ในรัฐเพนซิลวาเนีย รัฐฐานเสียงของเดโมแครต ฮิลลารีจะยังคงนำทรัมป์อยู่ 4% ในหมู่ผู้มีแนวโน้มไปเลือกตั้ง แต่คะแนนนิยมลดลงจากช่วงเดือน ต.ค. ที่นำอยู่ถึงเกือบ 10% ขณะที่ทรัมป์มีคะแนนนำในรัฐที่มีแนวโน้มค่อนไปทางรีพับลิกันอย่างแอริโซนา และยังคงนำในรัฐเนวาดาอยู่ 6% ซึ่งเพิ่มขึ้นมาจากกลางเดือน ต.ค. ที่นำเพียง 2%
ผลสำรวจดังกล่าวจัดทำระหว่างวันที่ 27 ต.ค.-1 พ.ย. ซึ่งเป็นช่วงหลัง เจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (เอฟบีไอ) เปิดเผยกับสภาคองเกรส เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ว่า เอฟบีไอจะตรวจสอบประเด็นการใช้อีเมลส่วนตัวของฮิลลารีระหว่างการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศอีกครั้ง ส่งผลกระทบกับการหาเสียงของตัวแทนจากเดโมแครต
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก เปิดเผยอ้างผลโพลนับถึงวันที่ 1 พ.ย. พบว่าความนิยมของฮิลลารีจากทุกลักษณะทางประชากรศาสตร์ลดลงทุกด้าน ยกเว้นกลุ่มชาวผิวขาวที่มีการศึกษาและชาวผิวดำ โดยเฉลี่ยลดลง 2.5% ซึ่งกลุ่มอิสระที่ไม่ยึดติดกับพรรคใดพรรคหนึ่งลดลงมาที่สุดถึง 5.5% ขณะที่แนวโน้มคะแนนความนิยมจากกลุ่มผู้เลือกอิสระโน้มเอียงกลับมาทางทรัมป์มากกว่า หลังทรัมป์สูญเสียความนิยมดังกล่าวให้ฮิลลารีตั้งแต่การดีเบตนัดที่ 2
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 23-29 ต.ค.ที่ผ่านมา ทีมหาเสียงฮิลลารีทุ่มโฆษณาทางโทรทัศน์และทางวิทยุมากกว่า 318 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.1 หมื่นล้านบาท) เทียบกับทรัมป์ที่ราว 69.9 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2,446 ล้านบาท) ซึ่งจำนวนโฆษณาของฮิลลารีมีมากกว่าทรัมป์ในวันที่ 28-29 ต.ค.ที่ผ่านมา รวมกัน 4,417 ชิ้น โดยรัฐที่มีการแข่งขันสูงอย่างฟลอริดา ฮิลลารีใช้จ่ายเพื่อโฆษณา 10 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 350 ล้านบาท) มากกว่าทรัมป์ถึง 2 เท่า
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุว่า จากการเก็บผลสำรวจความนิยมในระดับนานาชาติ ทั้งจากบรรดาสำนักข่าวในประเทศอย่างเอบีซี/วอชิงตันโพสต์ รวมถึงสถาบันวิจัยนอกประเทศ เช่น ยูกอฟจากอังกฤษ พบว่าโดยเฉลี่ยฮิลลารียังนำทรัมป์อยู่ 5.2% ขณะที่คาดการณ์แนวโน้มที่ฮิลลารีจะคว้าคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 270 เสียง ของเว็บไซต์ข่าวสารแวดวงการเมืองไฟฟ์เทอร์ตี้เอกธ์ยังอยู่ที่ 71%
อีเมล-วิกิลีกส์หลอนฮิลลารี
เอฟบีไอปิดคดีการใช้อีเมลเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวของฮิลลารีไปเมื่อเดือน ก.ค. โดยไม่มีการตั้งข้อหาใดๆ กับตัวแทนพรรคเดโมแครต อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการเอฟบีไอเปิดเผยเมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่าจะกลับมาสอบสวนเรื่องดังกล่าวใหม่อีกครั้ง ภายหลังได้หลักฐานเพิ่มเติมมาจากการสอบคดีอื่น ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดกับฮิลลารี และบ่งชี้ฮิลลารีอาจมีการส่งอีเมลลับทางราชการที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบอีก
การทบทวนคดีอีกรอบของเอฟบีไอเริ่มมาจากข่าวอื้อฉาวของ แอนโธนี วีเนอร์ อดีต สส.พรรคเดโมแครต และสามีของ “ฮูมา อาเบดิน” ผู้ช่วยคนสนิทของฮิลลารี ซึ่งพบว่าวีเนอร์ส่งข้อความอนาจารให้เด็กสาวอายุ 15 ปี ทำให้เอฟบีไอยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ของวีเนอร์ไปตรวจสอบ ทว่าเครื่องดังกล่าวเป็นคอมพิวเตอร์ที่อาเบดินเคยใช้งานร่วมกับสามีด้วย ทำให้เอฟบีไอต้องกลับมาตรวจสอบคดีอีเมลของฮิลลารีอีกครั้งไปพร้อมกันด้วยว่า มีอีเมลที่ควรเป็นความลับทางราชการหรือไม่
ทั้งนี้ การใช้อีเมลเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวเป็นการกระทำที่ขัดต่อระเบียบข้อปฏิบัติของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ โดยข้อปฏิบัติกำหนดให้ต้องใช้อีเมลของรัฐและส่งคืนอีเมลทั้งหมดให้กับรัฐภายหลังจากพ้นตำแหน่งกระทรวงต่างประเทศไป
นอกจากนี้ ฮิลลารียังเผชิญข่าวฉาวจากการเปิดเผยของวิกิลีกส์อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด วิกิลีกส์ เปิดเผยว่า ทีมหาเสียงของฮิลลารีพยายามเปลี่ยนแปลงระดับผู้นำของคณะกรรมการพรรคเดโมแครต เพื่อช่วยเพิ่มแนวโน้มให้ฮิลลารีได้เป็นประธานาธิบดี ซึ่งมีตัวเลือกคือการบีบหรือลดอำนาจของเดบบี วาสเซอร์มัน ชูลท์ส อดีตประธานคณะกรรมการดังกล่าวชูลท์ส ลาออกจากตำแหน่งเมื่อเดือน ก.ค. หลังวิกิลีกส์พบมีการขัดขวางเบอร์นี แซนเดอร์ส ผู้สมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรค ได้ตำแหน่งดังกล่าวไป ก่อนที่ ดอนนา บราซิล ผู้ประกาศข่าวของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นขึ้นรับตำแหน่งแทน โดยบราซิลถูกไล่ออกจากซีเอ็นเอ็น หลังวิกิลีกส์เปิดเผยว่าบราซิลส่งคำถามที่ใช้ในการดีเบตรอบคัดตัวแทนพรรคไปให้ฮิลลารีก่อนการดีเบต
ทรัมป์เอฟเฟกต์ป่วนตลาดยาว
ดัชนีความผันผวนวิกซ์ ซึ่งวัดความผันผวนในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับขึ้น 50% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่เอสแอนด์พี 500 ปรับตัวร่วงต่อเนื่อง7 วัน นับถึงวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นช่วงยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2011 เช่นเดียวกับดัชนียูโรสต็อกซ์ 600 ที่ลดลงติดต่อกันมากที่สุดในรอบ 2 ปี ขณะที่ดัชนีเอ็มเอสซีไอตลาดเกิดใหม่ลดลง 1.2% เมื่อวานนี้
“มากกว่าอะไรทั้งหมด พวกเราเห็นความผสมผสานระหว่างความไม่แน่นอนและการขาดแรงจูงใจจะทำอะไรก่อนการเลือกตั้ง ผู้คนกำลังลดความเสี่ยงในการลงทุน และบางคนก็เลือกจะนั่งมองอยู่ข้างๆ” ยูเซฟ อับบาซี นักกลยุทธ์จากโจนส์เทรดิง อินสติติวชันนัล เซอร์วิส บริษัทโบรกเกอร์ในสหรัฐ กล่าว
ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์ไม่สามารถมั่นใจได้เลยว่าฮิลลารีจะสามารถชนะทรัมป์ได้ 100% นับตั้งแต่การออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ของอังกฤษ หรือเบร็กซิตอย่างไม่คาดฝัน โดย บรูซ บิตเติลส์ นักกลยุทธ์ของแบร์ด เปิดเผยว่า หากทรัมป์คว้าชัยในการเลือกตั้งตลาดมีแนวโน้มจะร่วงลงไปอย่างมากเช่นเดียวกับครั้งเบร็กซิต ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นมา
“ตอนนี้ขึ้นอยู่กับความคาดหวังเดโมแครตจะชนะสร้างตลาดได้มากแค่ไหน ถ้าหากเป็นไปในลักษณะนั้น ผมพูดได้เลยว่า หากรีพับลิกันชนะจะหมายถึงตลาดร่วงลงอย่างรุนแรง แต่ก็จะดีดกลับขึ้นมามากเช่นกันภายหลัง” บิตเติลส์ กล่าว


