จับตาศาลระหว่างประเทศชี้คดีทะเลจีนใต้
จับตาปฏิกิริยาตอบโต้ของจีนในวันที่ 12 ก.ค.นี้ ที่ศาลอนุญาโตตุลาการถาวร จะอ่านคำพิพากษากรณีจีนอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนในทะเลจีนใต้
โดย...ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์
ในวันที่ 12 ก.ค.นี้ ศาลอนุญาโตตุลาการถาวรที่กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ จะอ่านคำพิพากษา กรณีที่ฟิลิปปินส์ยื่นเรื่องคำร้องต่อศาลคัดค้านการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่มากกว่า 80% ในทะเลจีนใต้ ของจีนเมื่อปี 2013 ซึ่งทับซ้อนกับการอ้างกรรมสิทธิ์บางส่วนในทะเลเดียวกันของ ฟิลิปปินส์ บรูไน มาเลเซีย เวียดนาม และไต้หวัน
ในการยื่นคำร้องดังกล่าว ฟิลิปปินส์กล่าวหาว่า พฤติกรรมของจีนในทะเลจีนใต้ขัดต่ออนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (ยูเอสซีแอลโอเอส) ปี ค.ศ. 1982 ซึ่งทั้งจีนและฟิลิปปินส์ได้ให้สัตยาบันไว้ อย่างไรก็ตาม จีนประกาศเสมอมาว่า จะไม่ยอมรับคำตัดสินของศาล ทั้งนี้ แม้ว่าคำตัดสินของศาลจะมีผลผูกพันทางกฎหมาย แต่ศาลไม่มีกลไกในการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว
ขณะเดียวกัน จีนก็ได้ซ้อมรบเป็นเวลา 7 วันก่อนการตัดสิน ตั้งแต่วันที่ 5-11 ก.ค. เป็นต้นมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ทางการทูตระดับสูงของจีนระบุว่า จะไม่มีการเจรจาประเด็นทะเลจีนใต้ ในการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-ยุโรป (อาเซม) ในมองโกเลีย ที่จะมีขึ้นวันที่ 14 ก.ค.นี้
"ประเด็นทะเลจีนใต้ เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมที่จะนำมาเจรจากันในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซม และไม่ควรนำเรื่องเสรีภาพในการเดินเรือมาอ้างเพื่อยกเรื่องทะเลจีนใต้มาเป็นประเด็นในการประชุม" กงจวนยู ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ระบุ
สวนทางกับ เจ้าหน้าที่ทูตจากประเทศอื่นๆ ที่ประจำอยู่ในกรุงปักกิ่งผู้มีส่วนร่วมในการจัดการประชุม ระบุว่า ประเด็นเรื่องทะเลจีนใต้ เป็นประเด็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการประชุมดังกล่าว
บททดสอบเอกภาพอาเซียน
แม้หลายฝ่ายจะคาดหวังให้ ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ซึ่งมีสมาชิก 4 ประเทศที่อ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อน ออกแถลงการณ์สนับสนุนคำตัดสินของศาล ซึ่งเป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นแย้งว่า ประเด็นพิพาททะเลจีนใต้ จะกลายเป็นสิ่งสะท้อนความแตกแยกในการดำเนินนโยบายของอาเซียน และคาดว่าท่าทีของอาเซียนหลังคำพิพากษาไม่น่าจะแตกต่างไปจากในปัจจุบัน
ริชาร์ด เฮย์ดาเรียน นักวิเคราะห์ด้านการเมือง ระบุว่า ไม่คาดหวังมติร่วมของอาเซียนในประเด็นนี้ โดยเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา กัมพูชาได้ออกมาวิจารณ์ว่าอนุญาโตตุลาการเป็นการสมคบคิดทางการเมืองและมีท่าทีต่อต้านคำตัดสินของศาล
ทั้งนี้ กัมพูชาและลาว เป็นสองชาติอาเซียนที่มีเศรษฐกิจพึ่งพาอย่างมากอยู่กับการค้าและความช่วยเหลือจากจีน และคาดว่าเป็นผู้มีส่วนสำคัญให้ยกเลิกแถลงการณ์ร่วมแสดงความกังวลเกี่ยวกับการดำเนินการในทะเลจีนใต้ของอาเซียน เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์หลายฝ่ายประเมินว่า คาดว่า สมาชิกบางราย เช่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม อาจจะออกแถลงการณ์เป็นของ ตัวเอง
ตังเสี่ยวมุน ประธานศูนย์อาเซียนศึกษาของสถาบันวิจัย อิเซียส ยูโซฟ อิชัค ในสิงคโปร์ ระบุว่า รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอาจจะจัดการประชุมระดับสูงเพื่อหารือประเด็นดังกล่าวตามมาในภายหลัง ซึ่งปฏิกิริยาต่อคำตัดสินนี้จะกลายเป็นตัวบ่งชี้เอกภาพของอาเซียน แต่ก็ไม่น่าจะสร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก
แนวทางตอบโต้หากคำพิพากษาของศาลออกมาไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อจีน
การตอบโต้ในระดับเบา
กลุ่มชาตินิยมในจีนอาจจะเรียกร้องอธิปไตยของประเทศ โดยรัฐมนตรีต่างประเทศจีนอาจออกแถลงการณ์ปฏิเสธการยอมรับคำตัดสินของศาล ต่อมารัฐบาลจีนอาจจะยกข้อสนับสนุนของประเทศอื่นๆ อีก 60 ประเทศมายืนยันร่วมสนับสนุนการอ้างกรรมสิทธิ์ของจีน ขณะที่ในทางการทูต จีนอาจจะร่วมการเจรจากับโดยตรงกับประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต ของฟิลิปปินส์ ที่มีท่าทีต้องการกระชับความสัมพันธ์กับจีนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาจีนมีท่าทีผ่อนปรนมาอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ได้ยุติการคุกคามชาวประมงฟิลิปปินส์ที่เข้ามาใกล้พื้นที่ รวมทั้งได้ระงับการประจำการทหารในส่วนแนวปะการังและแนวหินโสโครกที่จีนเอาพื้นดินไปถม ในบริเวณหมู่เกาะสแปรตลีย์
การตอบโต้ในระดับกลาง
จีนอาจจะประกาศเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (เอดีไอแซด) ซึ่งทำให้เครื่องบินพาณิชย์และเครื่องบินรบจะต้องแสดงแผนเที่ยวบินกับทางการจีน รวมทั้งอาจจะยกระดับการลาดตระเวนของตำรวจลาดตระเวนชายฝั่งและทหารเรือ ซึ่งนำไปสู่การคุกคามชาวประมงฟิลิปปินส์ นอกจากนี้จีนยังอาจจะยกเลิกการลงนามในอนุสัญญายูเอสซีแอลโอเอส
ทั้งนี้ พฤติกรรมเหล่านี้อาจจะทำให้ประเทศอื่นๆ ที่เข้ามามีส่วนได้ส่วนเสียร่วมมือกันยกระดับการลาดตระเวนทางทหาร โดยเฉพาะจากสหรัฐที่ตั้งตนเป็นตำรวจรักษาเสรีภาพในการเดินเรือ หลังรัฐมนตรีความมั่นคงฝรั่งเศสเรียกร้องให้ชาติยุโรปร่วมลาดตระเวนน่านน้ำเอเชีย เมื่อเดือนที่แล้ว
การตอบโต้ระดับรุนแรง
จีนอาจจะแสดงแสนยานุภาพทางทหาร จากขีปนาวุธที่ติดตั้งในแนวหินโสโครกซึ่งสามารถโจมตีไดถึงกรุงมะนิลาหรือฐานทัพสหรัฐในฟิลิปปินส์ โดยจีนมีโครงสร้างพื้นฐานในเกาะเทียมสนับสนุนปฏิบัติการทางทหาร
ปฏิกิริยานี้จะทำให้สหรัฐ ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก หลัง แอชตัน คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ กล่าวเมื่อเดือน มิ.ย.ว่า จะตอบโต้หากจีนสร้างสิ่งปลูกสร้างในแนวหินโสโครกเพิ่มโดยไม่มีเหตุผลเหมาะสมหลังจากนี้
จีนจำเป็นต้องทำตามคำตัดสินหรือไม่
รัฐบาลจีนได้ประกาศก่อนหน้าแล้วว่า ไม่ยอมรับและจะไม่ทำตามผลตัดสินของศาล โดยคำตัดสินของศาลมีผลผูกพันแต่ไม่มีอำนาจในการบังคับต่อคู่กรณี ซึ่งหลายฝ่ายก็คาดการณ์ว่า จีนจะไม่ยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนเกาะเทียมแม้จะมีคำสั่งศาลออกมา
อย่างไรก็ตาม คำตัดสินอาจจะเพิ่มความชอบธรรมของสหรัฐในการดำเนินการลาดตระเวนชายฝั่ง รวมทั้งหาแนวร่วมพันธมิตรสนับสนุนหน่วยลาดตระเวนเดิมที่มีอยู่ เพื่อต่อต้านพฤติกรรมจีน
ภาพ เอพี


