"เบร็กซิต"ฉุดปอนด์ถูก โลกแห่ช็อปอังกฤษ
ค่าเงินปอนด์ร่วงลงอย่างรุนแรงกว่า 10% แตะระดับเดียวกับปี 1985 เมื่อเทียบกับค่าเงินเหรียญสหรัฐ หลังจากสหราชอาณาจักรตัดสินใจออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือเบร็กซิต
โดย...ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์
ค่าเงินปอนด์ร่วงลงอย่างรุนแรงกว่า 10% ไปแตะระดับเดียวกับปี 1985 เมื่อเทียบกับค่าเงินเหรียญสหรัฐ หลังจากสหราชอาณาจักรตัดสินใจออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือเบร็กซิต และค่าเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงนี้เอง ได้กลายเป็นปัจจัยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจีนและสหรัฐให้เข้าไปท่องเที่ยวและกว้านซื้อสินค้า ตลอดจนอสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษกันอย่างคับคั่ง
เว็บไซต์การท่องเที่ยวซีทริป ดอท คอม เปิดเผยว่า ยอดค้นหาโปรแกรมท่องเที่ยวอังกฤษของชาวจีนพุ่งขึ้นมาก หลังคาดการณ์การท่องเที่ยวอังกฤษจะถูกลงถึง 1 ใน 3 ในช่วงฤดูร้อนนี้ หรือช่วงเดือน มิ.ย-ส.ค. พร้อมโปรโมทการท่องเที่ยวอังกฤษด้วยคำเชิญชวน “ซื้อ ซื้อ ซื้อ” เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นนักช็อปรายใหญ่ของโลก
“ผมไม่แปลกใจเลยที่จะเห็นนักท่องเที่ยวชาวจีนและตะวันออกกลางเข้ามาเที่ยวในสหราชอาณาจักร ในขณะที่มูลค่าการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ผู้คนมาท่องเที่ยวเพื่อจะได้ส่วนลด 5-10% 10-20%” เอดูอาร์ด เมย์ลัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ เอช. โมเซอร์ แอนด์ ซี ผู้ผลิตนาฬิกาสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์
ในขณะเดียวกัน ทราเวลซู เว็บไซต์ค้นหาที่พักและสถานที่ท่องเที่ยวของชาวอเมริกัน เปิดเผยว่า ยอดชาวอเมริกันที่ค้นหาการท่องเที่ยวในอังกฤษระหว่างวันที่ 24-27 มิ.ย. ได้เพิ่มขึ้นถึง 35.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ภาคการท่องเที่ยวอังกฤษนับเป็นรายได้ใหญ่ที่สุดของประเทศ ด้วยมูลค่าปีละ 1.21 แสนล้านปอนด์ (ราว 4.2 ล้านล้านบาท) และคิดเป็น 7.1% ของขนาดเศรษฐกิจอังกฤษ และนอกจากค่าเงินปอนด์จะช่วยการท่องเที่ยวแล้ว ยังช่วยให้สินค้าของอังกฤษได้รับความนิยมมากขึ้นด้วย โดย หลิวอี้เชียง เศรษฐีชาวจีนประมูลซื้อภาพจากศิลปินชาวอังกฤษด้วยราคา 52.2 ล้านปอนด์ (ราว 2,411 ล้านบาท) แพงที่สุดในงานประมูลเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ ระบุว่า ชาวจีนยังเข้าไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษ เนื่องจากค่าเงินปอนด์ที่ถูกลงนั้นเสมือนได้ส่วนลด 10% โดยจากผลสำรวจผู้เชี่ยวชาญชาวจีน 411 คน พบ 46% เชื่อแรงซื้อในอังกฤษจะปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากเบร็กซิต เมื่อเทียบกับ 25% ที่ไม่เห็นด้วย
แบรนด์เนมแดนผู้ดีได้ประโยชน์
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า นักท่องเที่ยวไปเที่ยวอังกฤษจำนวนมากขึ้นจะเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนอังกฤษ เช่น เบอร์เบอรี่ กรุ๊ป แบรนด์แฟชั่นขนาดใหญ่ของอังกฤษและมัลเบอร์รี่ กรุ๊ป บริษัทด้านสินค้าแฟชั่น ซึ่งกำลังประสบกับแรงซื้อหดตัวและสถานการณ์ความไม่สงบจากภัยก่อการร้ายที่ฉุดภาคท่องเที่ยว
จอห์น กาย นักวิเคราะห์จากเมนเฟิร์ส แบงก์ คาดการณ์ว่า ค่าเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง 10% จะช่วยเพิ่มรายได้ให้เบอร์เบอรี่ 90 ล้านปอนด์ (ราว 4,158 ล้านบาท) ทั้งนี้ บลูมเบิร์ก ระบุว่า อังกฤษเป็นตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยใหญ่อันดับ 6 ของโลกที่มูลค่า 1.55 หมื่นล้านยูโร (ราว 5.95 แสนล้านบาท)
นอกจากนี้ มิเชล หม่า นักวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก ยังระบุอีกด้วยว่า นักท่องเที่ยวจีนหากเปลี่ยนจุดหมายการท่องเที่ยวจากญี่ปุ่นมายังสหราชอาณาจักรและยุโรป จะช่วยให้นักช็อปสามารถประหยัดเงินได้มากถึง 40% เนื่องจากค่าเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเทียบกับหยวนนี่เอง ขณะที่ในปีที่แล้ว ชาวจีนมีการเดินทางไปยังอังกฤษมากขึ้น 46% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ญี่ปุ่นเสียหายค่าเงินเยนแข็ง
บลูมเบิร์ก ระบุว่า หากนักท่องเที่ยวจีนเห็นค่าเงินปอนด์ถูกและหันมาท่องเที่ยวอังกฤษแทน จะส่งผลกระทบกับแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในปัจจุบันของชาวจีน โดยเฉพาะญี่ปุ่น ซึ่งแม้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะเริ่มชะลอตัวลงจากค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นตลอดปี 2016 นี้ แต่เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ยอดนักท่องเที่ยวจีนที่เข้าไปเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นเองก็ประสบกับค่าเงินเยนแข็งค่าหลังจากเบร็กซิต โดยฟื้นตัวลงจากระดับ 99 เยน/เหรียญสหรัฐ หรือแข็งค่าที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขึ้นมาอยู่ที่ราว 102 เยน/เหรียญสหรัฐ เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา และทำให้ความดึงดูดเพื่อเข้าไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นปรับตัวลดลง
โยโกะ ยามาซากิ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายวางแผนของลาอ็อกซ์ ผู้ดำเนินการร้านค้าปลอดภาษีของญี่ปุ่น กล่าวว่า ถ้าค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นไม่มีแนวโน้มที่จะยุติลง จะทำให้ผู้คนยกเลิกการมาท่องเที่ยวญี่ปุ่น และเข้าไปท่องเที่ยวประเทศอื่น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่จะซื้อสินค้าราคาแพงน้อยลง เช่น หินปะการังสีแดงที่มีมูลค่ามากกว่า 10 ล้านเยน (ราว 3 ล้านบาท)
ผู้ประกอบการอังกฤษรอดูระยะยาว
จิม ฟอร์เวิร์ด ประธานบริหารของเอชเอฟ ฮอลิเดย์ บริษัทไกด์ทัวร์สัญชาติอังกฤษ เปิดเผยว่า ค่าเงินปอนด์ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับสถานการณ์ของการท่องเที่ยวอังกฤษในอนาคต โดยที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวของค่าเงินส่งผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศเพียงเล็กน้อย แต่มักจะได้รับผลหากค่าเงินเคลื่อนไหวในระยะยาวมากกว่า
นอกจากนี้ สำนักข่าวบีบีซี ระบุว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวอังกฤษย่อมได้รับผลกระทบจากการจำนวนนักท่องเที่ยวเชิงธุรกิจที่ลดลงหลังเบร็กซิต ซึ่งกลุ่มนักธุรกิจนี้เป็นกลุ่มสำคัญต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวอังกฤษมากกว่านักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนทั่วไป
สตีเฟน บรูมี หัวหน้าที่ปรึกษาภาคการโรงแรมจากไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส เปิดเผยว่า ธุรกิจโรงแรมต้องการจำนวนนักท่องเที่ยวทั่วไปเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า เพื่อทดแทนนักท่องเที่ยวเชิงธุรกิจที่เสียไป โดยโรงแรมมักได้รายได้จากนักธุรกิจมากกว่าที่จะเป็นนักท่องเที่ยวทั่วไป


