ฮิลลารีเปิดศึกทรัมป์ท้าชนชิงเก้าอี้ผู้นำมะกัน
ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งผู้นำสหรัฐ ประกาศชัยชนะ พร้อมลั่นวาจาจะเป็นตัวแทนพรรคเพื่อสู้ศึกใหญ่ช่วงปลายปีนี้
โดย...ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์
ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งผู้นำสหรัฐ ประกาศชัยชนะ พร้อมลั่นวาจาจะเป็นตัวแทนพรรคเพื่อสู้ศึกใหญ่ช่วงปลายปีนี้ และยังเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของสหรัฐด้วยการเป็นผู้หญิงคนแรกในรอบ 240 ปี ที่ลงสู้ศึกเลือกตั้งผู้นำสหรัฐ
แม้จะยังไม่มีการประกาศผลการเลือกตั้งไพรมารีพร้อมกัน 6 รัฐ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา อย่างเป็นทางการ แต่ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ฮิลลารี คว้าชัยในรัฐนิวเม็กซิโก นิวเจอร์ซีย์ เซาท์ดาโกตา และมีแนวโน้มจะชนะในแคลิฟอร์เนียด้วย
"เป็นเพราะพวกคุณที่นำพาเรามาถึงจุดสำคัญครั้งประวัติศาสตร์" ฮิลลารี กล่าวย้ำชัยชนะ พร้อมโน้มน้าวให้ผู้สนับสนุนของ เบอร์นี แซนเดอร์ส คู่แข่งชิงตัวแทนพรรค เข้าร่วมสู้ศึกครั้งนี้ด้วยกันในฐานะตัวแทนพรรคเดโมแครต
ด้าน แซนเดอร์ส ยืนยันว่าจะเดินหน้าสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ต่อไปโดยไม่ย่อท้อ พร้อมกล่าวขอบคุณผู้สนับสนุนที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งนี้ และย้ำว่าจะเดินหน้าต่อสู้เพื่อสังคม เศรษฐกิจ เชื้อชาติ และสิ่งแวดล้อมต่อไป
ทว่า เส้นทางสู้ศึกชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐของฮิลลารี กลับไม่ได้สวยหรูอย่างที่หวังไว้ โดยเอเอฟพี ระบุว่า ฮิลลารีต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายหลายอย่าง โดยเฉพาะการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันภายในพรรค และการดึงฐานเสียงของแซนเดอร์ส ที่ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ให้หันกลับมาสนับสนุนฮิลลารี
แลร์รี ซาบาโต นักวิเคราะห์การเมืองจากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย ระบุว่า ฮิลลารีไม่สามารถสู้ศึกใหญ่ได้เพียงลำพังด้วยฐานเสียงที่มีอยู่ แต่จำเป็นต้องมีฐานเสียงของแซนเดอร์สด้วย และแซนเดอร์สต้องสนับสนุนฮิลลารีอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ฮิลลารียังโดนโจมตีประเด็นเสื้อ แจ็กเกตของ จิออร์จิโอ อาร์มานี มูลค่ากว่า 1.24 หมื่นเหรียญสหรัฐ (ราว 4.39 แสนบาท) ที่ใส่ขณะกล่าวคำปราศรัยเมื่อเดือน เม.ย. ในประเด็นการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและลดช่องว่างทาง รายได้ ก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่า เสื้อคลุมของฮิลลารี มีมูลค่ามากกว่ารายได้ของแรงงานบางรายทั้งปี
ทรัมป์ไฟลนเร่งหาคู่หูลุยศึกใหญ่
สำนักข่าวซินหัวระบุว่า ความท้าทายของ โดนัลด์ ทรัมป์ นักการเมืองปากกล้าจากพรรครีพับลิกัน คือการเร่งหาผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี เพื่อมาเป็นคู่หูสู้ศึกเลือกตั้งใหญ่ รวมถึงการบริหารประเทศหากทรัมป์ชนะเก้าอี้ผู้นำสหรัฐ
ดาเรล เวสท์ นักวิเคราะห์อาวุโสของสถาบันบรูกกิ้งส์ สถาบันคลังสมองที่เชี่ยวชาญด้านการเมืองและเศรษฐกิจของสหรัฐ เปิดเผยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์และสภาคองเกรสอยู่ในระดับอ่อนแอ ดังนั้นทรัมป์จึงต้องหาตัวประสานการทำงาน ระหว่างทรัมป์และประธานสภาคองเกรส
ทรัมป์ยังต้องเผชิญการต่อต้านจากกลุ่มละตินอเมริกาที่ไม่พอใจนโยบายของทรัมป์ ดังนั้นบุคคลที่จะมาเป็นคู่หูของทรัมป์จะต้องเอาชนะใจกลุ่มละตินอเมริกาให้ได้
แดน มาฮัฟฟี นักวิเคราะห์จากศูนย์ศึกษาด้านสภาคองเกรสและประธานาธิบดีสหรัฐ ระบุว่า สมาชิกในพรรครีพับลิกันจำนวนหนึ่งยังคงสนับสนุนทรัมป์ แม้จะกังวลกับนโยบายของทรัมป์บางประการ
ภาพ เอเอฟพี
อย่างไรก็ดี หลังจากที่ทรัมป์วิจารณ์การทำหน้าที่ของผู้พิพากษาเชื้อสายเม็กซิกัน-อเมริกัน ว่ามีอคติต่อตัวทรัมป์ ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยพอล ไรอัน ประธานสภาคองเกรสจากพรรครีพับลิกัน ระบุว่า ข้อคิดเห็นดังกล่าวเป็น คำพูดที่เหยียดเชื้อชาติ และเชื้อชาติไม่ควรเป็นตัวกำหนดอาชีพหรือหน้าที่ แม้ก่อนหน้านี้ไรอัน สนับสนุนทรัมป์ก็ตาม
ขณะที่ มาร์ค เคิร์ก วุฒิสมาชิกรัฐอิลลินอยส์ ที่เคยสนับสนุนทรัมป์ กลับออกมายืนยันว่าจะไม่ลงคะแนนเสียงให้ทรัมป์เป็นตัวแทนพรรคสู้ศึกใหญ่ เนื่องจากทรัมป์ไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการบริหารประเทศจากกรณีข้างต้น
ผลสำรวจล่าสุดของรอยเตอร์ส พบว่าคะแนนความนิยมของทรัมป์ตามหลังฮิลลารีอยู่ 34.7% ต่อ 44.3% ขณะที่อีก 20.9% ระบุว่าจะไม่เลือกทั้งฮิลลารีและทรัมป์


