posttoday

ไอเอ็มเอฟเตือนเศรษฐกิจโลกแย่ เล็งหั่นคาดการณ์ปี 2016 อีกระลอก

26 กุมภาพันธ์ 2559

ไอเอ็มเอฟ ออกรายงานเตือนเศรษฐกิจโลกจะยังไม่ฟื้นตัวอย่างที่เคยคาดไว้ และมีความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบสูง

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ออกรายงานเตือนเศรษฐกิจโลกจะยังไม่ฟื้นตัวอย่างที่เคยคาดไว้ และมีความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบสูง เนื่องจากความผันผวนทางการเงิน ราคาสินทรัพย์ที่ลดลง ราคาน้ำมันโลก ปัญหาทางภูมิศาสตร์การเมือง และเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่

รายงานระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว อาจส่งผลให้ไอเอ็มเอฟปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในรายงานภาพรวมเศรษฐกิจโลกเดือน เม.ย. หลังเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ไอเอ็มเอฟได้หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 2016 ลง 0.2% จาก 3.6% เป็น 3.4%

“กิจกรรมทางเศรษฐกิจโลกชะลอตัวกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อปลายปี 2015 และจะยังคงย่ำแย่อย่างต่อเนื่องในปี 2016 ท่ามกลางราคาสินทรัพย์ที่ปรับลดลง” รายงานของไอเอ็มเอฟ ระบุ

จากรายงานของไอเอ็มเอฟ ระบุว่า ความผันผวนในตลาดการเงินไม่เพียงแต่จะทำให้ภาวะทางการเงินในประเทศพัฒนาแล้วตึงตัวและกระทบการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่ยังทำให้เกิดปัญหาเงินไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ และอาจส่งผลให้ภาวะทางการเงินของตลาดเกิดใหม่ตึงตัวเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลกระทบให้สกุลเงินอ่อนค่าและประสบปัญหาในการระดมทุน

ส่วนราคาโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลง โดยเฉพาะราคาน้ำมันจะส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อในภาพรวมและกระทบภาคการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ อีกทั้งการนำเข้าน้ำมันที่หดตัวลงกว่าที่คาดก็ส่งผลกระทบด้านลบต่อเศรษฐกิจโลกเช่นกัน

ในส่วนของเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว ยังคงน่าเป็นห่วงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากเศรษฐกิจจีนขยายตัวช้าที่สุดในรอบ 25 ปี อย่างไรก็ตามการที่จีนปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจเพื่อสร้างความสมดุลทางเศรษฐกิจมากขึ้นส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโลก พร้อมแนะนำให้ประชาคมโลกสนับสนุนการปฏิรูปเศรษฐกิจของจีน

ไอเอ็มเอฟ ยังระบุว่า รัฐบาลทั่วโลกควรสร้างเครื่องมือทางการเงินแบบใหม่ เพื่อช่วยเหลือตลาดเกิดใหม่และประเทศที่ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์เป็นหลัก ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดผลกระทบอย่างรุนแรงจากปัญหาเงินไหลออกที่ส่งผลต่อค่าเงินและภาคการส่งออกของตลาดเกิดใหม่

นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟยังเรียกร้องให้กลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 20 ประเทศ (จี20) ดำเนินนโยบายที่ครอบคลุมเพื่อสร้างความแข็งแกร่งและป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น เพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นแรงซื้อ อีกทั้งยังเสนอแนะให้ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่าพึ่งพานโยบายทางการเงินมากเกินไป แต่ควรให้ความสำคัญกับนโยบายทางการคลังด้วย เพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ รัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางจากกลุ่มประเทศ จี20 มีกำหนดการประชุม ณ นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 26-27 ก.พ.นี้

ซิตี้กรุ๊ปลดจีดีพีโลก

วิลเลียม บิวเตอร์ นักเศรษฐศาสตร์ระดับสูงของธนาคารซิตี้กรุ๊ป ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 2016 จาก 2.8% อยู่ที่ 2.5% และอาจ
อยู่ที่ 2.2% ถ้าจีนไม่ได้รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจตรงตามความเป็นจริง พร้อมเตือนว่า มีความเป็นไปได้สูงที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย

รายงานของซิตี้กรุ๊ป ระบุว่า ภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะสหรัฐ ยังคงน่าเป็นกังวล ส่วนเศรษฐกิจจีนยังชะลอตัวและสกุลเงินหยวนยังคงไร้เสถียรภาพ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากการถอนตัวออกจากสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ของอังกฤษด้วย

“ปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกมี 3 ปัจจัย ได้แก่ ภาวะทางการเงินโลกที่ย่ำแย่ แรงซื้อจากสหรัฐหดตัว รวมถึงภาคบริโภคและภาคธุรกิจอ่อนแอเป็นวงกว้าง” ซิตี้กรุ๊ป ระบุ

จีนร้องใช้คลังกระตุ้น

จูกวงเหยา รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลังของจีน ระบุว่า ควรใช้มาตรการทางการคลังในการกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะประเทศที่ยังมีช่องทางสำหรับการกระตุ้นด้วยนโยบายทางการคลัง อีกทั้งยังมั่นใจว่า จีนจะสามารถรักษาเสถียรภาพเงินหยวนให้อยู่ในระดับสมดุลได้อย่างแน่นอน

“เราไม่สามารพึ่งนโยบายทางการเงินได้เพียงอย่างเดียว ควรให้นโยบายทางการคลังมีบทบาทร่วมด้วย” จูกวงเหยา กล่าว

ขณะเดียวกัน เฉิงซ่งเชง เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางจีน (พีบีโอซี) เขียนบทความลงเว็บไซต์
อีโคโนมิก เดลีย์ ว่า จีนมีความสามารถที่จะใช้งบประมาณขาดดุลได้ถึง 4% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) โดยไม่กระทบต่อสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี เมื่อเทียบกับ 1.5% ต่อ
จีดีพีในปี 2015 ในขณะที่รัฐบาลกำลังพิจารณาปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคล

ด้าน อี้กัง รองผู้ว่าการพีบีโอซี ระบุว่า พีบีโอซีจะปล่อยให้ค่าเงินหยวนมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินหยวนจะกำหนดโดยเทียบกับสกุลเงินในตะกร้าค่าเงิน ทั้งปอนด์ ยูโร และเยน ไม่เพียงเฉพาะสกุลเงินเหรียญสหรัฐเท่านั้น พร้อมยืนยันว่า แรงซื้อในจีนยังคงแข็งแกร่ง และผู้กำหนดนโยบายจะรักษาสมดุลระหว่างการปฏิรูปและการสร้างเสถียรภาพ

มูดี้ส์หั่นเครดิตบราซิล

มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชื่อดัง ปรับลดความน่าเชื่อถือของบราซิล 2 ระดับจาก Baa3 สู่ระดับ Ba2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดอันดับ 2 ของระดับจังก์ หรือระดับที่มีความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ พร้อมปรับภาพรวมเป็นลบ ซึ่งมีความเสี่ยงจะถูกปรับลดความน่าเชื่อถืออีกในอนาคต

มูดี้ส์ ระบุว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หนี้ภาครัฐของบราซิลเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า อยู่ที่ 66% และมีแนวโน้มที่หนี้จะเพิ่มขึ้นอีกเกินกว่า 80% ของจีดีพี ซึ่งสะท้อนว่า สภาวะด้านหนี้สินของบราซิลจะแย่ลงอีก ประกอบกับพันธบัตรท้องถิ่นบราซิลมีอัตราผลตอบแทนที่สูง โดยผลตอบแทนพันธบัตรท้องถิ่น 25 ปี แตะ 16.7% ในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา สูงที่สุดในรอบ 9 ปี ซึ่งยิ่งยากต่อการชำระหนี้

ข่าวล่าสุด

ธ.ก.ส. เปิด “สินเชื่อบำเหน็จตกทอด” 100% ดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนนาน 40 ปี