"แค่มีนมก็เป็นนางแบบได้" ส่องวงการ "นู้ด-เอ็กซ์-เซ็กซี่" ยุคใหม่
เมื่อผู้หญิงหลายคนตัดสินใจก้าวเข้าสู่วงการนางเเบบเซ็กซี่เเละนู้ดกันอย่างแพร่หลาย จนเกิดวลีเด็ด แค่มีนมก็เป็นนางแบบได้
โดย...วรรณโชค ไชยสะอาด
หญิงสาวผิวขาว ใบหน้าเล็กเรียว จมูกโด่ง ดวงตาเฉี่ยวคม กำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนเตียงนอน เปลือยกายท่อนบนและใช้มือปิดบังหน้าอกขนาดใหญ่
เธอกำลังโพสต์ท่าสุดเซ็กซี่ ส่งสายตาจิกจ้องไปยังกลุ่มช่างภาพหนุ่ม 4-5 คนที่อยู่รายรอบ บ้างถ่ายมุมเสย บ้างมุมกด บ้างก็กำลังออกคำสั่งให้เธอเอี้ยวตัวเพิ่มอีกนิดเพื่อให้บั้นท้ายนั้นสวยงามและทำให้ภาพออกมาดูร้อนแรงยิ่งขึ้น
ปฏิเสธไม่ได้ว่าวินาทีนี้ความเซ็กซี่กำลังแผ่ขยายไปทั่วโลกออนไลน์ แต่ละวันมีเหล่านางแบบเซ็กซี่แจ้งเกิดขึ้นมานับไม่ถ้วน ชนิดที่หลายคนบอกว่า “แค่มีนมก็เป็นนางแบบได้แล้ว”
ในอดีตถึงขั้นแทบกราบกว่าจะได้นางแบบสักคน
เทคโนโลยีและสังคมออนไลน์ถือเป็นสองปัจจัยสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงก้าวขึ้นเป็นนางแบบเซ็กซี่และนู้ดได้ง่ายขึ้น ผิดกับในอดีตที่การแสวงหาผู้หญิงมาเปลื้องผ้าสักคนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
“บี๋ ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์” ช่างภาพนู้ดชื่อดัง เล่าว่า เมื่อครั้งถ่ายภาพให้กับนิตยสารหนุ่มสาว ต้องหานางแบบตามสถานบันเทิงต่างๆ เช่น ไนท์คลับ บาร์ อะโกโก้ เป็นต้น นางแบบที่ได้หนีไม่พ้นหญิงสาวที่มีอาชีพทำงานกลางคืน มักไม่ใช่ผู้หญิงที่เพอร์เฟคทั้งใบหน้าและเรือนร่าง เป็นหน้าที่ของช่างภาพในการแก้ไขจุดบกพร่องเท่าที่ความสามารถและเทคโนโลยีสมัยนั้นทำได้
“ลำบากมาก ต้องพูดจนคอแห้งให้เขามั่นใจว่าจะออกมาสวย สมัยนั้นเราใหม่มาก ไม่มีชื่อเสียงมาแบ็กอัพ ต้องพูดทุกวิถีทาง ถ่ายแล้วมันจะออกมาอย่างโน้นอย่างนี้นะ” ธีรพงศ์ระลึกถึงอดีตและบอกต่อว่า
“ความที่ไปเจอตอนกลางคืน พอนัดมาถ่ายภาพตอนกลางวัน ต้องตกใจ เพราะเขาไม่ได้อยู่ใต้แสงแบบที่เราเจอเมื่อคืน บางทีเฮ้ย...จริงหรือเปล่า เราเลือกคนนี้มาเหรอ มันมีอารมณ์นั้น ไม่มีการนัดมาเจอกันก่อนถ่าย ได้เบอร์มาแล้วอีกวันก็นัดไปถ่ายเลย มันเลยเกิดความผิดพลาดบ่อย”
ในอดีตไม่มีสเปคนางแบบที่แน่ชัด ช่างภาพพยายามเฟ้นหาผู้หญิงที่มีรูปร่างดีที่สุดเท่าที่จะหาได้และทันเส้นตายปิดเล่มหนังสือ อย่างไรก็ตามสิ่งที่นางแบบทุกคนจะขาดไม่ได้คือ “ต้องมีหน้าอก”
“สมัยนั้นของจริงทั้งนั้น จะหาเพอร์เฟคก็ยาก บางทีรูปร่างหน้าตาดี แต่หน้าอกไม่มี ถ้ามันถึงเดทไลน์หนังสือต้องวางแผงอาทิตย์หน้า ยังไงก็ต้องถ่าย ลีลามากไม่ได้ กัดฟันถ่ายให้ดีที่สุด เคยมีนางแบบคนหนึ่ง ขอโทษนะ เนื้อแหว่งไปข้างที่ลำตัวเพราะอุบัติเหตุ บก. บอกว่า รอคนใหม่ไม่ได้แล้ว เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด เอาผ้าปิดบ้าง บอกให้เขาเอามือมาปิดตรงจุดนั้นบ้าง”
บี๋ ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์ ภาพจาก อินสตาเเกรม bee_teerapong
เขาเล่าว่าเมื่อ 30 ปีก่อนนางแบบได้รับค่าตัวเพียงแค่ 1,500-2,000 บาท จนกระทั่งมีการพัฒนาต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของการคัดเลือกและค่าตัวที่นิตยสารพยายามจ่ายมากขึ้นเพื่อดึงดูดเหล่าหญิงสาว กระทั่งสูงลิ่วในระดับหลักหมื่นหลักแสน และเริ่มมีการเชิญชวนนักแสดงคนดังเข้ามาถ่ายแบบ โดยเฉพาะดาราที่เริ่มหายหน้าไปจากวงการบันเทิง
“กระแสตอบรับในสมัยนั้นค่อนข้างดีสำหรับภาพนู้ด เริ่มมีดาราชื่นชอบ ยกย่องว่าภาพสวยดี จุดประกายให้ผมเริ่มชักชวนติดต่อคนดัง นักแสดงมาถ่ายแบบ”
ครั้งหนึ่งในอดีต “บี๋ ธีรพงศ์” เคยติดต่อทาบทาม “ม้า อรนภา” มาถ่ายแบบ โดยเจ้าของหนังสือไม่ทราบว่าเธอเป็นเพศที่สาม จนกระทั่งเขาเอ่ยปากเฉลยเอง ซึ่งเล่มดังกล่าวเรียกเสียงฮือฮาให้กับสังคมอย่างมาก ขายหมดเกลี้ยงแผงในเวลาอันรวดเร็ว รวมถึงเป็นจังหวะที่วงการหนังสือเซ็กซี่และนู้ดแข่งขันกันมากขึ้นอีกด้วย
เห็นได้ชัดว่าการค้นหานางแบบในอดีตนั้นยากมาก ผิดกับปัจจุบันที่ผู้หญิงสาวสวยจำนวนมากพากันเสนอตัวให้กับช่างภาพเลยด้วยซ้ำ
“หลังไมค์เยอะมาก ยังพูดกับแฟนเสมอว่า เกิดเร็วไปหน่อย สมัยก่อน แทบจะกราบเลยแต่ยุคนี้เขาอยากจะถ่ายอยู่แล้ว บางคนอยากเป็นกระแสก็ติดต่อมาในเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมเลยก็มี”
ไม่ใช่เพียงแค่นางแบบที่เป็นกันง่าย แต่ช่างภาพก็เช่นกัน เมื่อโปรดักส์ชั่นและเทคโนโลยีกลายเป็นตัวช่วยสำคัญให้กับบรรดามือลั่นชัตเตอร์สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมได้ง่ายกว่าอดีต ซึ่งส่งผลให้นางแบบมีความมั่นใจที่จะนำเสนอเรือนร่างออกสู่สายตาสาธารณะมากขึ้น
ธีรพงศ์ บอกว่า สมัยนี้ผู้หญิงไม่ต้องสวยงามเพอร์เฟค ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเทคโนโลยีที่จะเติมเต็ม ผิดกับสมัยก่อนที่แทบไม่สามารถทำให้สวยเกินจริงได้ ใช้เพียงเทคนิคด้านการจัดแสง ใส่ฟิลเตอร์ และพร๊อพต่างๆ ที่พอมีเพื่อทำให้เขาดูดีขึ้น
“ช่างภาพสมัยก่อนต้องมีชั่วโมงบิน วิชา ประสบการณ์ที่ทำให้ภาพของเราโดดเด่น เมื่อถึงเวลาอยู่ในสนามแข่งแล้ว เราถึงจะนำชาวบ้านเขา” บี๋บอกและว่า “สมัยนี้นางแบบมาครึ่งทางที่เหลือเราทำเอง ยิ่งช่างภาพคนไหนถนัดโฟโต้ชอปอยู่แล้ว ก็ง่าย”
โน้ต พิจิกา ปิ่นแก้ว ภาพจากเฟซบุ๊ก Pijika Pinkaew
ถอดทีละชิ้น จากน่ารักใสๆ สู่เปลื้องผ้า
แนวการถ่ายแบบที่นิยมในปัจจุบันแบ่งออกได้ดังนี้
Showbra เป็นการถ่ายแบบเซ็กซี่ในลักษณะไม่หวือหวามาก เช่น การสวมใส่เสื้อผ้าหลวมและโชว์ให้เห็นเสื้อชั้นในเล็กๆ น้อยๆ
Topbra ด้านบนใส่แต่เสื้อชั้นในถ่ายแบบ ส่วนด้านล่างจะเป็นกางเกงหรือกระโปรงตามแต่ที่ตกลงกัน
Topless เปลือยกายท่อนบนหรือพูดง่ายว่าๆ นู้ดครึ่งตัว อาจใช้มือปกปิด ขณะที่ด้านล่างเป็นไปตามแต่ที่ตกลง
Semi-Topless ไม่ใส่เสื้อใน แต่มีเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์ปิดบังหัวนม โชว์เฉพาะเนินอก ส่วนด้านล่างตามที่ตกลงกัน
Nude เปลือยทั้งบนและล่าง
Nude-Art เปลือยทั้งด้านบนและล่าง แต่เพิ่มเทคนิคหรือเน้นสรีระ ส่วนเว้า ส่วนโค้ง โดยภาพที่ออกมาจะไม่เน้นปลุกอารมณ์ทางเพศ
โน้ต พิจิกา ปิ่นแก้ว ภาพจากเฟซบุ๊ก Pijika Pinkaew
ลองไปฟังเสียงของนางแบบสาวสวยยุคปัจจุบันทั้งในระดับเซ็กซี่และนู้ดกัน
โน้ต พิจิกา ปิ่นแก้ว นางแบบเซ็กซี่และผู้จัดหานางแบบรวมถึงจัดทริปถ่ายภาพ บอกว่า สมัยนี้แค่มีหน้าอกใหญ่และผิวขาวก็ก้าวขึ้นนางแบบยอดนิยมได้แล้ว “นมใหญ่ ขาว มาเหอะได้หมด เดี๋ยวนี้ช่างภาพโฟโต้ชอปเก่ง”
โดยเรทราคานั้นแบ่งตามลักษณะการถ่ายแบบ หากเป็นระดับสดใสเซ็กซี่เริ่มต้นที่ 4,000 บาทต่อ 3 ชั่วโมง บิกินี่ 7,000 บาทขึ้นไป ส่วนในระดับที่มากกว่านั้นเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างช่างภาพและนางแบบ ซึ่งขึ้นอยู่ความสนิทสนมรวมถึงกระแสความนิยมของนางแบบในช่วงเวลานั้นๆ ด้วย
“แต่ละคนไม่เท่านั้น เข้าวงการใหม่ๆ บิกินี่อาจจะแค่ 5,000-6,000 บาทเท่านั้น ถ้าพวกที่มียอดติดตามทางเฟซบุ๊กและไอจีเยอะๆ ราคาก็อาจพุ่งไปถึงหลักหมื่น”
ขณะที่การถ่ายแบบนู้ด เธอบอกว่า “บางคนอาจจะแอบรับหลังไมค์กันเอง มีน้อยคนที่จะประกาศบอก ส่วนใหญ่แล้วแต่ความสนิท เงินถึง และน้องกำลังเดือดร้อนหรือเปล่า อยู่ที่ความพอใจในช่วงนั้นๆ ด้วย”
นางแบบสาวบอกถึงสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงสมัยนี้กล้าโชว์มากขึ้นว่า เกิดจากความมั่นใจในรูปร่างและความอยากโด่งดังซึ่งนำไปสู่โอกาสสร้างรายได้จากหลากหลายช่องทางในอนาคต
“ทำนมมาก็มั่นใจขึ้น หลายคนบอกทำมาโชว์ไม่ได้ทำมาเก็บ อีกเรื่องคือโลกโซเชียลวันนี้มันสำคัญมาก คนต้องการเป็นเน็ตไอดอล ยิ่งได้ไลค์เยอะเท่าไหร่ยิ่งมั่นใจ น้องบางคนไปถ่ายท็อปเรท ทำให้มีคนติดตามมากขึ้นในพริบตา เด็กรุ่นใหม่เห็นก็อยากทำบ้าง เพราะยอดติดตามจำนวนมาก มันเป็นการสร้างโอกาสให้กับตัวเอง มีงานอื่นเข้ามามากขึ้น เช่น รับรีวิวหรือขายสินค้า”
ลูกตาล-ฐิติรัตน์ ทองโคตร
การตัดสินใจเป็นนางแบบนู้ด ส่วนใหญ่เริ่มจากรับถ่ายเเบบสวยใส ก่อนจะถอดทีละชิ้นจนกระทั่งไม่เหลืออะไรเลย ผู้หญิงสาวดังเช่น ลูกตาล-ฐิติรัตน์ ทองโคตร คือหนึ่งในนั้น เธอต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกลบของคนรอบข้างและโดยเฉพาะครอบครัวเมื่อครั้งตัดสินใจถ่ายนู้ดเป็นครั้งเเรก
“แม่บอกว่าเคยเห็นลูกคนอื่นทำแบบนี้แต่ไม่คิดเลยว่าตาลจะมาทำแบบนี้ซะเอง กว่าจะรับได้ก็ยากเหมือนกัน เขาไม่เปิดใจ ไม่เข้าใจว่าทำแบบนี้มันได้อะไร ทำไมต้องไปให้คนอื่นดู แต่พอเราพิสูจน์ในสิ่งที่ทำว่ามันไม่ใช่เรื่องเสียหาย เป็นศิลปะ ที่สำคัญเราสามารถหาเลี้ยงครอบครัวได้ด้วยอาชีพนี้ เขาก็เข้าใจและยอมรับ ทุกวันนี้บอกแค่ว่าระวังตัวด้วยนะลูก”
แรงบันดาลที่ทำให้ลูกตาลถ่ายแบบนู้ดครั้งแรก เกิดจากการได้เห็นภาพนู้ดอันสวยงามและเต็มไปด้วยอารมณ์ของนางแบบสาวสวยชาวต่างชาติ ทำให้เธอนึกสงสัยและตั้งคำถามกับตัวเองว่า เขารู้สึกอย่างไรกับการแก้ผ้าถ่ายภาพ ขณะเดียวกันยังมีแรงผลักดันจากสถานการณ์ของครอบครัวที่มีปัญหาด้านการเงิน
“เราเห็นรูปเขาแล้วสวยมาก รู้สึกท้าทายตัวเอง เพราะงานนี้มันต้องใช้ความกล้ามากๆ อีกเรื่องคือครอบครัวเรากำลังมีปัญหาเรื่องหนี้นอกระบบ”
คอนเซปต์ที่ลูกตาลยึดถือคือ ‘ไม่แหก ไม่แหวก ไม่อ้า’ ต้องการให้เรือนร่างสะท้อนถึงความสวยงามและมุมมองทางด้านศิลปะ ซึ่งตลอด 2 ปีที่ผ่านมาอาชีพนี้ได้มอบชีวิตใหม่ให้กับเธอ
“3 ชั่วโมง 8,000 บาท เราถ่ายนู้ดแบบสวยงามเป็นศิลปะที่ดูมีคุณค่า มองย้อนกลับไปตั้งเต่วันแรก รู้สึกมาไกลมาก ชีวิตเปลี่ยน ได้เรียนรู้ผู้คนทั้งด้านดีและด้านมืด ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ เยอะมาก ได้โอกาสทำงานกับช่างภาพมืออาชีพ นักศึกษา อาจารย์มหาวิทยาลัยไปจนกระทั่งศิลปินชื่อดัง เราทำอาชีพสุจริจ มีรายได้ในระดับที่น่าพอใจ มีบ้าน มีรถ ภูมิใจที่เลี้ยงครอบครัวได้”
ลูกตาล บอกว่า ผู้หญิงและสังคมสมัยใหม่เปิดกว้างเรื่องเพศและความเท่าเทียมมากขึ้น ส่งผลให้แต่ละคนกล้าที่จะทำในสิ่งที่เป็นไปได้ยากในอดีต
“การแก้ผ้านั้นมีคุณค่ามากกว่าคำว่าลามกอนาจารซึ่งต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองเหมือนกัน” นางแบบสาวบอกถึงที่สิ่งที่ตัวเองได้เลือก
ลูกตาล-ฐิติรัตน์ ทองโคตร
ช่างภาพโรคจิต อันตรายที่ต้องระวัง
โอกาสสร้างรายได้ที่ง่ายขึ้นจากการถ่ายแบบ มาพร้อมกับอันตรายจากกลุ่มคนโรคจิตที่เข้าถึงตัวนางแบบได้อย่างง่ายดายเพียงแค่มีกล้องถ่ายรูป
“พวกโรคจิตเยอะจะตาย” โน้ต พิจิกา บอกถึงสถานการณ์ปัจจุบันที่กลุ่มคนโรคจิตนั้นแอบแฝงมาในคราบช่างภาพ ทำให้เธอต้องระมัดระวังและเช็คประวัติผลงานช่างภาพที่ติดต่อมาอย่างดีก่อนจะตอบตกลง
“สกรีนระดับหนึ่ง เข้าไปในเฟซบุ๊กดูประวัติ ผลงาน ความน่าเชื่อถือ สอบถามว่ารู้จักเราทางไหน ถ้าเป็นพวกไม่รู้จักต้องจับโอนเงินก่อนเลย พวกโทรมาเล่นๆ ก็มี มาลงทริปแล้วมาจิตๆ ก็มี ถ่ายช้อนแสดงท่าทางหื่นๆ ไรงี้ เราก็จำไว้ ครั้งหน้าไม่มีอีกแล้ว” นางแบบสาวเผยวิธีการตรวจสอบและคัดกรองช่างภาพ
ด้าน ลูกตาล เล่าประสบการณ์ให้ฟังว่า เคยมีผู้ชายแอดไลน์มาพูดคุยก่อนจะตกลงราคาอย่างรวดเร็ว ไม่มีการบอกคอนเซปต์การถ่ายทำ นัดแนะกันที่คอนโดมิเนียมส่วนตัวของฝ่ายชาย โดยภายในห้องมีการจัดฉากและพร็อพในการถ่ายภาพปกติ อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลาจริง ช่างภาพกลับลวนลาม ทั้งเข้ามากอดเเละหอม แต่สุดท้ายด้วยสติทำให้รอดมาได้อย่างปลอดภัย
“เอากล้องมาบังหน้า เข้ามากอดมาหอม ตาลเลยบอก อย่าทำแบบนี้นะ เราคุยกันได้ ตาลไม่ได้ขัดขืน เลือกจะพูดกับเขาดีๆ เพราะคิดว่าถ้าปฏิเสธด้วยท่าทีไม่ได้ อาจถูกทำร้ายได้ คือเราต้องมีสติ คนที่ตาลเจอพวกนี้เขาจะไม่ใช้กำลังถ้าเราไม่ยอม แต่ถ้าเกิดเรายอม เขาก็ยินดีจ่ายเพิ่ม แต่เราเลือกจะไม่ทำ ขอกลับดีกว่า”
อีกประสบการณ์ของนางแบบสาวรายนี้ก็เป็นลักษณะคล้ายกัน ช่างภาพทำทีติดต่อเข้ามาพูดคุยแบบมืออาชีพให้เธอวางใจ พอถึงเวลานัดทำงานจริง กลับลวนลาม พยายามบิ๊วอารมณ์หวังให้เคลิบเคลิ้ม แต่สุดท้ายลูกตาลก็รอดมาได้ โดยบอกปฏิเสธและขอตัวกลับ เหตุการณ์ทั้งหมดทำให้เธอระมัดระวังตัวเองมากขึ้น หากเป็นการถ่ายแบบลักษณะไพรเวท จะขอนำเพื่อนไปด้วยเสมอ
สาววัย 24 ปีบอกด้วยว่า วงการนี้ค่อนข้างแคบ หากช่างภาพคนไหนมีพฤติกรรมเสี่ยงอันตรายจะถูกแฉและบอกต่อๆ กันในวงการ ซึ่งมืออาชีพตัวจริงไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
ธรรมนูญ ศรีสตรียานนท์ ช่างภาพเซ็กซี่-นู้ด บอกว่า สมัยนี้แค่มีกล้องก็ประกาศว่าตัวเองเป็นช่างภาพได้แล้ว ใช้กล้องไปเป็นตัวเชื่อมหรือสร้างโอกาสให้คิดทำมิดีมิร้าย บางคนทำเพื่อสนองตันหาของตัวเอง แค่เพียงอยากเจอนางแบบหรือนำภาพที่ถ่ายไปอวดพรรคพวกเท่านั้น
“ในสังคมก็มีปนๆ กัน ทั้งดีและเลว ต้องระวัง ใครทำไม่ดีก็หมดอนาคตกันไป หลักๆ คือนางแบบต้องสกรีน ระมัดระวัง โดยเฉพาะการสอบถามจากเพื่อนนางแบบหรือกลุ่มช่างภาพมืออาชีพก่อนรับงานเสมอ”
ภาพจาก ธรรมนูญ ศรีสตรียานนท์
ภาพจาก ธรรมนูญ ศรีสตรียานนท์
ผลกระทบระยะยาว อย่าคิดแค่อยากดัง-หวังรวย
เมื่อตัดสินใจเปลื้องผ้าถ่ายแบบแล้ว อย่าลืมว่าภาพที่ถ่ายนั้นจะถูกแชร์ต่อไปอย่างกว้างขวางในสังคมออนไลน์และอยู่ไปตลอดกาล
ธรรมนูญ บอกว่า นางแบบปัจจุบันนั้นมีทั้งประเภทมืออาชีพที่ต้องการสร้างผลงานอย่างเเท้จริง และลักษณะที่ต้องการหารายได้ สิ่งที่ต้องตระหนักคือ ผลกระทบระยะยาวที่ติดตัวไปตลอดชีวิตและพร้อมย้อนกลับมาตั้งคำถามได้ทุกเมื่อ
“อย่าคิดว่าแค่มาถอด มาแก้ผ้า อยากให้ชั่งใจถึงผลกระทบระยะยาว เมื่อภาพมันติดตัวเราไปตลอด”
เขา ยกตัวอย่างเรื่องจริงที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า เด็กสาวรูปร่างหน้าตาดีคนหนึ่ง คิดเพียงแค่ต้องการรายได้ จนกระทั่งกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ วันหนึ่งความฮอตไปเข้าตาโมเดลลิ่งเข้า จึงถูกชักชวนเข้าสู่วงการบันเทิง อนาคตของเธอเหมือนจะสดใสแต่กลับต้องถูกท้าทายจากสังคมออนไลน์ที่พากันขุดคุ้ยภาพนู้ดเก่าๆ หยิบขึ้นมาตั้งคำถาม กลายเป็นปัญหาหนักใจให้กับเธอจนไม่สามารถรับไหว
“วันหนึ่งมีแฟน มีครอบครัว มีลูก คำถามสำคัญคือเราจะตอบลูกยังไง ถ้าถ่ายแบบอาร์ตๆ อาจจะตอบได้ไม่ยาก แต่ถ้าเปลือยเพื่อแลกเงินเท่านั้นก็น่าสนใจว่าจะทำหน้ายังไง”
ช่างภาพมากประสบการณ์ทิ้งท้ายว่า เป้าหมายของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันทั้งช่างภาพและนางแบบ ผลงานที่ออกมาจะเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของแต่ละคน ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับคำวิพากษ์วิจารณ์จากสิ่งที่ตัวเลือกเดินด้วย