posttoday

พลิกข้อกฎหมาย"ทำไมวันนี้... หม่อง ทองดี ยังไร้สัญชาติ?"

22 พฤศจิกายน 2559

นักวิชาการด้านสิทธิมนุษยชน ผู้ติดตามให้คำปรึกษา หม่อง ทองดี มาอย่างต่อเนื่อง จะมาตอบคำถามที่ว่า "ทำไมวันนี้หม่อง ยังคงไร้สัญชาติ"

เรื่อง...อินทรชัย พาณิชกุล

หลังจากเรื่องราวชีวิตของหม่อง ทองดี วัย 19 หนุ่มไร้สัญชาติ ถูกเผยแพร่ออกไป 

จากอดีตเด็กชายนักร่อนเครื่องบินกระดาษพับที่ไปคว้ารางวัลระดับโลก เมื่อหลายปีก่อน จนผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลขณะนั้นสัญญาว่าจะมอบสัญชาติไทยให้ พร้อมส่งเสียทุนการศึกษาจนจบชั้นปริญญาเอก

ผ่านไปเกือบสิบปี หม่องเติบใหญ่กลายมาเป็นครูฝึกโดรนประจำสมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ สร้างผลงานถ่ายภาพมุมสูงจนได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ทว่าเขายังไร้สัญชาติ ไม่มีใครส่งเสียให้เรียนจนจบชั้นปริญญาเอกตามที่ให้คำมั่นไว้

วันนี้ รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนักวิชาการด้านสิทธิมนุษยชน ผู้ติดตามให้คำปรึกษาหม่อง ทองดีมาอย่างต่อเนื่อง จะมาตอบคำถามที่ว่า "ทำไมวันนี้หม่อง ทองดียังคงไร้สัญชาติ"

รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กล่าวว่า สำหรับสิทธิในสัญชาตินั้น หม่องย่อมมีสิทธิในสองสัญชาติทั้งไทยและเมียนมา เนื่องจากหม่องเกิดในประเทศไทย จึงมีสิทธิในสัญชาติไทยโดยหลักดินแดน ขณะเดียวกันบุพการีของหม่องผ่านการพิสูจน์สัญชาติเมียนมาแล้ว หม่องจึงมีสิทธิในสัญชาติเมียนมาโดยหลักสืบสายโลหิต แต่สาเหตุที่หนุ่มน้อยคนนี้ยังไร้สัญชาติ ก็เพราะยังไม่ได้รับการรับรองสถานะคนสัญชาติในทะเบียนราษฎรของรัฐใดเลยบนโลก เขาจึงมีสถานะเป็นคนต่างด้าวในทุกประเทศบนโลก

"แม้รัฐไทยจะบันทึกหม่อง ทองดีในทะเบียนราษฎรไทยตั้งแต่ พ.ศ.2547 แต่ก็มิใช่ในสถานะคนสัญชาติไทยแต่อย่างใด น้องหม่องซึ่งไร้รัฐโดยสิ้นเชิงตั้งแต่เกิดใน พ.ศ.2540 จึงเริ่มเป็นคนมีรัฐ กล่าวคือ มีรัฐไทยเป็นเจ้าของตัวบุคคลใน พ.ศ.2547 เขาจึงมีสถานะเป็นราษฎรไทยประเภทคนต่างด้าวในทะเบียนประวัติตามกฎหมายไทยว่าด้วยการทะเบียนราษฎร

สำหรับกฎหมายสัญชาติไทย หม่องไม่มีสิทธิในสัญชาติไทยโดยหลักดินแดนโดยผลอัตโนมัติของกฎหมาย ทั้งที่เกิดในประเทศไทย เพราะบุพการีเป็นคนต่างด้าวซึ่งมีลักษณะการเข้าเมืองไม่ถาวร แตกต่างจากคนไทยทุกคนที่มีสิทธิในสัญชาติไทยโดยหลักดินแดนโดยอัตโนมัติ เพราะเกิดในประเทศไทย และพ่อแม่ก็เกิดในประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตาม กฎหมายไทยดังกล่าวก็รับรองสิทธิในสัญชาติไทยแบบมีเงื่อนไขตาม ม.7 ทวิ วรรค 2 ให้แก่หม่อง ในลักษณะเดียวกับคนเกิดในไทยตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2535 เป็นต้นมา แต่เงื่อนไขจะสัมฤทธิ์ผลก็ต่อเมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติรับรองสิทธิใช้สัญชาติไทยนี้แก่เขา

โดยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ.2553 เปิดโอกาสให้รับรองสิทธิในสัญชาติไทยให้แก่"คนที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศไทย" แต่รัฐบาลไทยทุกชุดที่ผ่านมากลับไม่ใช้โอกาสนี้ที่จะร้องขอการรับรองสิทธิในสัญชาติไทย ทั้งที่หลายฝ่ายมองว่า หม่องได้ทำชื่อเสียงอย่างมากต่อประเทศไทย และในวันนี้ก็ยังทำงานหนักช่วยเหลือสังคมในหลายวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้น แต่หม่องเขากลับต้องเริ่มต้นเรียนกศน. เพื่อที่จะเรียนต่อในมหาวิทยาลัยจนจบปริญญาตรี อันจะทำให้เขาสามารถใช้สิทธิในมติคณะรัฐมนตรีซึ่งกระทรวงมหาดไทยกำลังผลักดันให้แก่คนไร้สัญชาติซึ่งเกิดในประเทศไทย และเรียนจบปริญญาตรี เพราะทั้งหมดนี้จะทำให้สิทธิในสัญชาติไทยของเขามีผลโดยสมบูรณ์"

พลิกข้อกฎหมาย"ทำไมวันนี้... หม่อง ทองดี ยังไร้สัญชาติ?" รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กับ หม่อง ทองดี

ขณะเดียวกัน หลายคนสงสัยว่า ทั้งที่หม่อง ทองดีมีสิทธิในสัญชาติเมียนมา แต่ทำไมเขาจึงไม่ยอมใช้สิทธิในสัญชาติเมียนมา นักวิชาการสิทธิมนุษยชนรายนี้ตอบอย่างรวดเร็วว่า

"ถามว่าทำไมหม่องถึงไม่ไปถือบัตรประชาชนเมียนมา ก็ขอย้อนถามกลับไปว่าถ้าคุณมีพ่อแม่เป็นแรงงานต่างด้าว ผ่านการพิสูจน์สัญชาติแล้ว แต่คุณเกิดที่ประเทศไทย แล้วคุณจะพูดภาษาเมียนมาได้ไหม มีเพื่อนมีฝูงเป็นคนเมียนมาไหม แบบนี้คุณจะไปถือสัญชาติเมียนมาไหมล่ะ ...ไม่ เพราะเขาไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนเมียนมา แต่คิดว่าตัวเองเป็นคนไทย เพราะเกิดที่ประเทศไทย โตที่ประเทศไทย ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย จนมีความกลมกลืนในความเป็นไทย อยากถือบัตรประชาชนที่แสดงสิทธิในสัญชาติไทยมากกว่า เพื่อที่จะได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินไทย อันเป็นแผ่นดินที่รักตลอดไป

ก็เหมือนคนไทยเชื้อสายจีน พ่อแม่นั่งเรือสำเภามาจากประเทศจีน จะให้ไปถือบัตรประชาชนจีน เอาไหม หม่องเองก็เช่นกัน เขาไม่ได้เกิดที่เมียนมา ไม่ได้โตมาในสภาพแวดล้อมที่เมียนมา เขาก็ไม่อยากไปอยู่เมียนมาหรอก ที่สำคัญหม่องเป็นอัจฉริยะขนาดนี้ ประเทศเราเลี้ยงเขา ให้การศึกษาเขา เขาสร้างคุณงามความดี ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติมาขนาดนี้ จะคืนไปให้ประเทศเมียนมาทำไม"

พลิกข้อกฎหมาย"ทำไมวันนี้... หม่อง ทองดี ยังไร้สัญชาติ?"

รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ สรุปทิ้งท้ายว่า หม่อง ทองดีมีสิทธิในสัญชาติไทยโดยหลักดินแดนแบบมีเงื่อนไข เพราะคนที่เกิดในประเทศไทยก็ย่อมมีสิทธิในสัญชาติไทยโดยหลักดินแดน เพียงแต่สิทธิดังกล่าวนี้เป็นสิ่งที่มีเงื่อนไข เนื่องจากบุพการีเป็นคนต่างด้าวที่มีลักษณะการเข้าเมืองแบบไม่ถาวร ดังนั้นคงไม่ต้องให้ใครมาทำให้หม่อง "มีสิทธิ" ในสัญชาติไทย แต่การทำให้เงื่อนไขเพื่อ "ใช้สิทธิ" ในสัญชาตินี้ จะใช้มติคณะรัฐมนตรีที่มีอยู่แล้ว หรือมติคณะรัฐมนตรีใหม่ก็ได้

"ถ้ารัฐบาลชุดนี้หยิบเอามติครม.เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ.2553 แล้วให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรับรองว่าหม่องทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศไทย ก็จะถือเป็นการรับรองสิทธิที่จะใช้สัญชาติไทยโดยทันที เนื่องจากเขามีสิทธิในสัญชาติไทยตาม ม.๗ ทวิ วรรค ๒ จึงมิใช่คนต่างด้าวแท้ เพียงถูกถือเป็นคนต่างด้าว"

กระแสเรียกร้องให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเข้ามาช่วยเหลือเด็กหนุ่มที่เคยสร้างชื่อเสียงต่อประเทศชาติ ทั้งยังเป็นพลเมืองดี ทำงานสุจริต ประพฤติตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ยังคงถูกจับตามองแทบไม่กะพริบว่าสุดท้ายแล้วหม่อง ทองดีจะได้รับสิ่งที่เขาสมควรจะได้รับหรือไม่