posttoday

"ครั้งหนึ่งในชีวิต-วินาทีสุดแสนอาลัย" ความในใจพสกนิกรได้ถวายบังคมพระบรมศพ

02 พฤศจิกายน 2559

ความรู้พี่น้องประชาชนไทย ที่ได้เข้าถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ

โดย...วิรวินท์ ศรีโหมด

หลังสำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชน เข้ากราบพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ภายในพระที่ดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่ 29 ต.ค. และจะมีต่อไปอีก 1 ปีจากนี้ ประชาชนจำนวนมาต่างเฝ้ารอหาโอกาสที่เดินมา

วันนี้โพสต์ทูเดย์จึงรวบรวมข้อแนะนำ ความรู้สึกของผู้ที่มาแล้ว เพื่อเป็นแนวทางให้กับคนที่กำลังจะมาว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

"ครั้งหนึ่งในชีวิต-วินาทีสุดแสนอาลัย" ความในใจพสกนิกรได้ถวายบังคมพระบรมศพ เอกจิตรา จันทร์จิตจริงใจ

เอกจิตรา จันทร์จิตจริงใจ อายุ 61 ปี ข้าราชการบำนาญ เดินทางมาจากจังหวัดสงขลา เล่าว่า ตั้งใจเดินทางมาเพื่อเข้ากราบพระศพฯ นั่งเครื่องบินมาถึงกรุงเทพ.ตั้งแต่วันที่ 30 ต.ค. แล้วแวะพักบ้านลูกสาวย่านดอนเมือง จากนั้นเดินทางมาถึงสนามหลวงวันที่ 31 ต.ค.ประมาณ 06.30 น. รอต่อแถวจนได้เข้าไปภายในพระบรมมหาราชวังช่วง 09.30 น. เหตุผลที่เลือกมาวันธรรมดาเนื่องจากช่วงวันหยุด จะมีประชาชนเดินทางจำนวนมากจึงเลือกมากในปกติ

เอกจิตรา บรรยายความรู้สึกว่า เมื่อได้มีโอกาสเข้าไปภายในพระที่ดุสิตมหาปราสาท จุดที่จัดพิธีพระบรมศพเจ้าหน้าที่จะให้ประชาชนแต่ละชุด ใช้เวลากราบเบื้องหน้าพระพรมโกศประมาณ 5 นาที ซึ่งบรรยากาศภายในทุกคนจะอยู่ในอาการสงบนิ่งไม่มีพูดคุยกัน แต่บางคนเมื่อเห็นพระบรมโกศก็กลั่นน้ำตาไว้ไม่อยู่ร้องไห้ออกมาบ้าง แต่ภาพรวมบรรยากาศทุกอย่างสงบ

 
“รับรู้ได้ว่าทุกคนที่มารวมใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีความรักสามัคคี เอื้ออาทรต่อกัน ไม่มีการแตกแถวแซงคิว ทุกคนช่วยเหลือกันด้วยความเต็มใจ เพราะทุกคนมาเพื่อสิ่งเดียวกัน คือ พระองค์ท่านซึ่งเป็นที่รักของคนไทยทั้งชาติ”

เอกจิตรา เล่าอีกว่า เมื่อได้เข้ามากราบพระบรมโกศสมดั่งความตั้งใจถึงแม้จะเสียใจ แต่รู้สึกประทับใจมากเพราะคิดว่าเป็นครั้งหนึ่งและครั้งสุดท้ายในชีวิตที่จะได้ใกล้ชิดพระองค์ นอกจากนั้นยังมีโอกาสได้เห็นพระราชพิธีขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณ เช่น พิธีประโคมย่ำยาม ยิ่งทำให้รู้สึกประทับใจและจะเก็บความรู้สึกที่ได้เห็นนำกลับไปเล่าให้ลูกหลานได้ฟัง รวมถึงอยากให้คนไทยทั่วประเทศมีโอกาสเดินทางมาซักครั้ง

ขณะที่การเตรียมความตัวมาของ เอกจิตรา เพียงแค่เตรียมร่างกายและชุดแต่งกายให้พร้อมตามระเบียบที่สำนักพระราชวังกำหนด ส่วนภายในกระเป๋าควรมียาโรคประจำตัว ยาดม น้ำดื่มติดไว้

"ครั้งหนึ่งในชีวิต-วินาทีสุดแสนอาลัย" ความในใจพสกนิกรได้ถวายบังคมพระบรมศพ

 

"ครั้งหนึ่งในชีวิต-วินาทีสุดแสนอาลัย" ความในใจพสกนิกรได้ถวายบังคมพระบรมศพ นฤมล สาระเทียน

นฤมล สาระเทียน อายุ 56 ปี พนักงานเอกชน เดินทางมาจากเขตพระนคร กทม. แนะนำว่า ผู้ที่จะเดินทางมาควรเตรียมตัวให้พร้อม รวมถึงในกระเป๋าควรมีร่ม พัด น้ำดื่ม ขนมปัง หรือ ข้าวเหนียวไก่ เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลารอรนานบางครั้งผู้ที่มาอาจหิวหรือกระหายน้ำได้

นฤมล บรรยายว่า เดินทางมาคนเดียวถึงสนามหลวง 09.30 น. ใช้เวลารอคิวกว่าที่จะได้เข้าไปภายในพระบรมมหาราชวังช่วงเที่ยง และออกมาบ่ายโมง แต่ภาพรวมการจัดระบบแถวของทางเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังถือว่าดีมาก มีเต็นท์ เก้าอี้ จัดเตรียมให้ประชาชนรอ แต่เมื่อได้เข้าไปภายในพระที่ดุสิตมหาปราสาท ทุกคนต้องถอดถุงเท้ารองเท้าใส่ไว้ในถุงดำที่แจกให้และถือเข้าไป ส่วนกระเป๋าห้ามสะพายต้องถือ รวมถึงโทรศัพท์มือถือต้องปิด แต่หลังกราบพระบรมศพเสร็จค่อยนำถุงดำที่ใส่รองเท้ามาคืน และระหว่างทางเดินออกจะได้รับแจกรูปภาพพระบรมโกศ 1 ใบ ถุงข้าวเปลือก “พอเพียง” และยาดม เป็นที่ระลึก

 “เมื่อเข้าไป ตอนกราบดิฉันรู้สึกขนลุก ตื่นเต้น ตื้นตันใจมากที่ได้มากราบพระองค์” นฤมล ระบุ

"ครั้งหนึ่งในชีวิต-วินาทีสุดแสนอาลัย" ความในใจพสกนิกรได้ถวายบังคมพระบรมศพ ปราโมทย์ ศรีตระการ

ปราโมทย์ ศรีตระการ อายุ 48 ปี เดินทางมาจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เล่าว่า มาถึงสนามหลวงเมื่อเวลา 10.00 น. ได้เข้าไปภายในพระที่ดุสิตมหาปราสาทช่วงเที่ยงซึ่งถือว่าเร็วมาก ขณะที่อยู่เบื้องหน้าพระบรมโกศก็ตั้งจิตอธิษฐานถึงพระองค์ ด้วยความรู้สึกก็เสียใจ ขณะที่อีกมุมก็ภูมิใจมากที่ได้เกินมาบนแผ่นดินไทย

ปราโมทย์  อธิบายว่า เมื่อเข้าไปในพระบรมมหาราชวังเจ้าหน้าที่จัดแถวให้ประชาชนยืนหน้ากระดานเรียง 4 เมื่อใกล้พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทประมาณ 200 เมตรเจ้าหน้าที่จะขอความร่วมมือให้รวมเหลือ 2 แถว จากนั้นจะแจกถุงพลาสติกสีดำหรือสีขาว ไว้สำหรับให้ใส่รองเท้าถุงเท้าก่อนเข้าไปภายใน รวมถึงขอความร่วมมือปิดโทรศัพท์มือถือ และห้ามสะพายกระเป๋าแต่สามารถถือเข้าไปได้ ก่อนจะให้เดินเข้าไปพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทแถวละ 2 คน

“วันนี้ก่อนผมยังนึกไม่ออกว่าบรรยากาศข้างในเป็นอย่างไร แต่วินาที่ที่ได้ก้าวเท้าเข้าไปภายในเบื้องหน้าพระบรมโกศ ด้านซ้ายเป็นพระที่นั่งของในหลวง และพระบรมวงศานุวงศ์ ไม่คิดเลยว่าจะมีโอกาสได้มานั่งอยู่ตรงนี้ ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญของประเทศ จึงถือเป็นบุญที่ได้เข้ามา”

ปราโมทย์ เล่าอีกว่า ทุกคนเมื่ออยู่ตรงนั้นบางคนก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ร้องไห้ออกมา แต่ทุกคนก็อยู่ในความสงบ จากนั้นเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังจะบอกให้นั่งพับเพียบปลายเท้าหันไปทางขวา และก้มลงกราบพร้อมกันไม่ต้องแบบมือ ใช้เวลาอยู่ข้างในไม่นานก่อนเดินออกมา แต่เวลาเพียงชั่วครู่ สำหรับตนจะจำวินาทีนั้นไปตลอดชีวิต

"ครั้งหนึ่งในชีวิต-วินาทีสุดแสนอาลัย" ความในใจพสกนิกรได้ถวายบังคมพระบรมศพ จักรกริช นนท์ภาษโสภณ

จักรกริช นนท์ภาษโสภณ อายุ 61 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว เล่าว่า เดินทางมาจากเขตคลองสานถึงสนามหลวง 10.00 น. ได้เข้าไปในพระบรมมหาราชวังเมื่อเวลา 12.00 น.  เมื่อได้เข้าไปเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังก็ดูแลจัดระเบียบแถวเป็นอย่างดีซึ่งจะมีจุดให้นั่งพักเป็นช่วงๆ

"เมื่อได้เห็นภาพเบื้องหน้าเป็นพระบรมโกศบรรยากาศทุกอย่างสงบเงียบ รู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก ด้วยความซาบซึ้งและประทับใจ ชั่วเวลาเพียงครู่เดียว เเต่รู้สึกว่าเป็นบุญคุณอันล้นพ้นเหนือเกล้าเหนือกระหม่อม"

"ครั้งหนึ่งในชีวิต-วินาทีสุดแสนอาลัย" ความในใจพสกนิกรได้ถวายบังคมพระบรมศพ ดวงรัตน์ ขมิ้นเขียว (ขวา)

ดวงรัตน์ ขมิ้นเขียว อายุ 57 ปี ข้าราชการ เล่าว่า เดินทางมาจากจังหวัดอุดรธานีกับครอบครัวตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค และแวะพักอยู่ที่บ้านญาติจังหวัดชลบุรี จากนั้นเดินทามาถึงสนามหลวงเวลา 06.00 น. วันที่ 31 ต.ค. ใช้เวลารอประมาณ 3 ชั่วโมงจึงได้เข้าไปภายในพระบรมมหาราชวัง ระหว่างรอก็ทานข้าวทำธุระส่วนตัวให้พร้อม และเมื่อได้ไปใช้เวลาอยู่ในวังประมาณ 30 นาทีก็กลับออกมา

ดวงรัตน์ เล่าความรู้สึกที่ได้กราบพระบรมโกศ ว่า ดีใจมากที่ได้ทำตามความตั้งใจ ถ้ามีโอกาสจะเดินทางมาอีก เพราะคิดว่าคงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ใกล้ชิดพระองค์ท่านมากถึงเพียงนี้

ขณะที่การเตรียมตัวของดวงรัตน์มีเพียงชุดดำสุภาพตามที่กำหนด มากับร่างกายที่พร้อม นอกนั้นยาดม ยาหม่อง น้ำ ขนม มีแจกโดยรอบบริเวณสนามหลวง แต่ก็ควรนำติดตัวเข้าไปด้วย ส่วนภาพรวมการเดินทาง และอาหารเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี

"ครั้งหนึ่งในชีวิต-วินาทีสุดแสนอาลัย" ความในใจพสกนิกรได้ถวายบังคมพระบรมศพ สวาท ราชเสนา

สวาท ราชเสนา อายุ 44 ปี อาชีพค้าขาย มาจากเขตดอนเมือง กรุงเทพฯ เล่าว่า มาถึงสนามหลวง 05.00 น. รอจนได้เข้าไปภายวังประมาณ 09.30 น. ซึ่งตั้งใจมาเพื่อกราบสักการะพ่อหลวง เพราะส่วนตัวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ที่ชาตินี้ได้เกิดมาบนแผ่นดินไทย

สวาท  อธิบายอย่างละเอียดว่า เมื่อเดินทางมาสนามหลวงเจ้าหน้าที่ทหารจะจัดแถวให้รอเป็นชุดๆ ระหว่างนั้นจะตรวจความพร้อมเครื่องแต่งกาย และเมื่อเข้าไปในพระบรมมหาราชวัง เจ้าหน้าที่จะคอยให้คำแนะนำวิธีปฏิบัติ พร้อมบอกข้อห้ามจุดที่งดถ่ายรูป เมื่อได้เข้าไปเบื้องหน้าพระบรมโกศจะใช้เวลากราบประมาณ 5 นาที จากนั้นเมื่อออกมาเจ้าหน้าที่จะแจกภาพพระบรมโกศ และถุงข้าวเปลือกพอเพียงเป็นที่ระลึก

เสาวลักษณ์ แจ่มน้อย อายุ 49 ปี  เดินทางมากจากเขตดินแดง กทม. เล่าว่า รู้สึกปลื้มปิติที่ได้เดินทางมาถึงสนามหลวงเมื่อ 09.00 น. และได้เข้าไปภายในเมื่อ 13.00 น. ส่วนการเตรียมตัวไม่มีอะไรมากเพียงแค่เตรียมใจและร่างกายมาให้พร้อม อาหารน้ำดื่มรอบสนามหลวงมีแจก เมื่อได้เข้าไปภายในวังเจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกตามระบบขั้นตอนอย่างดี

“เมื่อได้กราบเบื้องหน้าพระบรมศพ ขณะนั้นมีความรู้สึกว่าเศร้าอาลัยเสมือนสูญเสียบุคคลที่รักอีกคนหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรก็ภูมิใจที่ครั้งหนึ่งในชีวิตมีโอกาสมากราบพระองค์” เสาวลักษณ์ เล่าด้วยความภาคภูมิใจ

"ครั้งหนึ่งในชีวิต-วินาทีสุดแสนอาลัย" ความในใจพสกนิกรได้ถวายบังคมพระบรมศพ สุดา รัชเค่

สุดา รัชเค่ อายุ 67 ปี เดินทางมาจากจังหวัดสระแก้ว เล่าว่า เดินทางถึงสนามหลวงประมาณ  09.30 น.ได้เข้าไปภายในวังช่วงเที่ยง ความรู้สึกเมื่อได้กราบเบื้องหน้าพระบรมศพรู้สึกดีใจ เพราะพระองค์เป็นที่รักของคนไทยและชาวโลก ส่วนการเตรียมตัวมาแนะนำว่า ต้องเตรียมใจและร่างกายให้พร้อมเท่านั้น

"ครั้งหนึ่งในชีวิต-วินาทีสุดแสนอาลัย" ความในใจพสกนิกรได้ถวายบังคมพระบรมศพ ทวี เรืองศรี (ขวา)

ทวี เรืองศรี อายุ 55 ปี เดินทางมากจากอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี  เล่าว่า ตั้งใจเดินทางข้ามทะเล ขึ้นรถมาเพื่อกราบพระองค์ เมื่อมาถึงกรุงเทพแวะพักที่บ้านญาติ จากนั้นเดินทางถึงสนามหลวง 08.00 น. ได้เข้าไปภายในช่วงบ่ายโมง แต่ระหว่างรอก็ได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนเป็นอย่างดี

“รอครึ่งวันไม่เหนื่อยไม่ร้อน เพราะตั้งใจมากราบพระองค์ วันนี้เมื่อได้กราบเบื้องหน้าพระบรมโกศ ความรู้สึกตอนนั้นเกิดกว่าที่จะบรรยาย อยากร้องไห้แต่ไม่ร้อง เสมือนขาดบุคคลที่รักมากไป แต่ถึงอย่างไรก็ประทับใจที่ครั้งหนึ่งได้มาใกล้ชิดพระองค์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทย”

ทั้งหมดนี้คือขั้นตอนเเละความรู้สึกของพสกนิกรทั่วฟ้าเมืองไทย ที่ได้มีโอกาส เข้ากราบพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ