posttoday

แย้มพระสรวล ของพระราชา

22 ตุลาคม 2559

กล่าวกันว่า พระสรวลของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นสิ่งที่หาชมได้ยากหากผู้ใดได้เห็นถือว่ามีบุญยิ่งนัก

โดย...ประกฤษณ์ จันทะวงษ์

กล่าวกันว่า พระสรวลของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นสิ่งที่หาชมได้ยาก หากผู้ใดได้เห็นถือว่ามีบุญยิ่งนัก ข้าพเจ้าเคยตามเสด็จฯ เพื่อถ่ายภาพของพระองค์ทั้งงานพระราชพิธีและพระราชกรณียกิจ และในการเสด็จฯ ส่วนพระองค์ น้อยครั้งนักที่จะได้เห็นรอยแย้มพระสรวลของพระองค์ท่าน การถ่ายรอยแย้มพระสรวลของพระองค์ท่านถือว่าเป็นสิ่งที่ปรารถนาของช่างภาพสื่อมวลชนทุกคน เพราะนั่นคือแสดงว่าพระองค์ทรงมีพระเกษมสำราญ มีความสบายพระทัย อันยังความปลาบปลื้มยินดีแก่พสกนิกร

ภาพนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2553 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินจากโรงพยาบาลศิริราช ไปในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ณ พระบรมมหาราชวัง ระหว่างทางเสด็จฯ ออกจากโรงพยาบาลศิริราช ประชาชนแน่นทะลักโรงพยาบาล เพื่อรอชื่นชมพระบารมี บางคนละทิ้งงานมาจากต่างจังหวัด บางคนมานอนรอกันเป็น 2-3 คืน

ข้าพเจ้ายืนรอพระองค์ท่านเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง ผู้คนเบียดเสียดกันมาก สื่อจากหลายสำนักต้องบีบตัวเข้าอยู่ในพื้นที่อันน้อยนิดแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ทุกคนเอื้ออาทรต่อกัน แบ่งปันมุมกันฉันพี่น้อง แต่เนื่องจากพื้นที่มีจำกัด ต้องยืนอยู่กับที่เช่นนั้นตลอด ไม่สามารถไปไหนได้เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง

ทันทีที่พระองค์เสด็จลง พระองค์ท่านชายพระเนตรจากขวาจรดซ้าย ทอดพระเนตรพสกนิกรของพระองค์ ประชาชนทุกคนล้วนเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” อย่างกึกก้องทั้งโรงพยาบาลศิริราช เป็นเวลานานหลายนาที ทำให้หัวใจข้าพเจ้าเต้นระรัว บรรยากาศเหมือนมีมนต์สะกด

เมื่อพระองค์เสด็จพระราชดำเนินเข้ามาใกล้ ทำให้หัวใจข้าพเจ้าสั่นระรัวยิ่งนัก สิ่งสำคัญคือสติต้องตั้งมั่น เพราะท่านจะผ่านไปในเวลารวดเร็วเพียงไม่กี่นาที เก็บทุกช็อตที่มองเห็น ถ่ายให้ได้อิริยาบถที่สำคัญ ที่มีความหมาย ที่ผู้คนอยากดูมากที่สุด การที่พระองค์ทรงแย้มพระสรวล แม้รอยแย้มพระสรวลนั้นจะมีเพียงเล็กน้อย แต่นั่นคือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ รอยแย้มพระสรวลนั้นทำให้ภาพนั้นได้ตีพิมพ์บนหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ และบางกอกโพสต์ ฉบับวันที่ 6 ธ.ค. 2559

วันนั้นประชาชนที่อยู่ห่างไกลจนไม่เห็นพระองค์ท่าน ได้มาขอร้องเพื่อขอดูภาพที่ข้าพเจ้าถ่ายจากกล้อง ทุกคนต่างหลั่งน้ำตา พร้อมพูดคุยกันอย่างเสียงดังด้วยความดีใจ “พระองค์ท่านยิ้มด้วย พระองค์ท่านสุขภาพดีขึ้นแล้ว” แล้วทั้งหมดก็ประนมมือขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมเปล่งวาจาทรงพระเจริญ ทำให้ข้าพเจ้าแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

ปกติแล้วเมื่อมีงานพระราชพิธีเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ข้าพเจ้าจะขอขันอาสาไปถ่าย หรือบางทีก็แอบไปถ่าย เพื่อชื่นชมพระบารมี แต่สำหรับงานเคลื่อนพระศพจากโรงพยาบาลศิริราชมายังพระบรมมหาราชวัง เมื่อ 14 ต.ค. 2559 ข้าพเจ้าตัดสินใจไม่ไป เพราะข้าพเจ้ายังไม่อาจทำใจได้ ข้าพเจ้าไม่เข้มแข็งพอ บางคนบอกว่านั่นคือวันประวัติศาสตร์ แต่สำหรับข้าพเจ้าไม่อยากจดจำ ข้าพเจ้าขอจดจำภาพพระพักตร์ของพระองค์ท่าน ทุกภาพทุกตอนเมื่อครั้งยังมีพระชนม์ชีพอยู่ ขอเวลาสักระยะ ข้าพเจ้าจะไปร่วมแสดงความไว้อาลัยที่ท้องสนามหลวงอย่างแน่นอน

สิ่งที่ภูมิใจในชีวิตช่างภาพสื่อมวลชนของข้าพเจ้าคือ การได้ฉายพระรูปพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขอดวงพระวิญญาณของพระองค์ทรงสถิตเป็นมิ่งขวัญคนไทยตลอดไป นับจากนี้ข้าพระพุทธเจ้าจะขอทำหน้าที่พลเมืองไทยอย่างดีที่สุดตามแบบอย่างคำสอนของพระองค์ท่าน เพื่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติ