พบ"เสือโคร่ง"ถูกขายตลาดมืดปีละ 300 ตัว "จีน-เวียดนาม" รับไม่อั้น
เลขาธิการมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าเผยแต่ละปีมีเสือถูกขายในตลาดมืด 200-300ตัว ราคาพุ่งตัวละ 2 แสน "จีน-เวียดนาม"รับไม่อั้น
โดย...วิรวินท์ ศรีโหมด
ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบซากเสือโคร่งและของขลังซึ่งประกอบสร้างจากชิ้นส่วนสัตว์ป่าจำนวนมากในวัดป่าหลวงตาบัว จ.กาญจนบุรี ทำให้ประเด็น “ขบวนการลักลอบค้าสัตว์ป่า” ถูกจุดขึ้นท่ามกลางความสนใจของสังคม นำมาสู่เวทีเสวนาเรื่อง “เสือโคร่ง จากกรมเลี้ยง สู่ตลาดมืด” เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.2559 ซึ่งจัดขึ้นโดยมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร
เอ็ดวิน วีค เลขาธิการมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า (WFFT) เปิดประเด็นว่า วัดเสือ จ.กาญจนบุรี ตั้งขึ้นมานานกว่า 20 ปี โดยเริ่มจากเสือโคร่งเบงกอลเพียง 2 ตัว ซึ่งนำมาจากฟาร์ม จ.ราชบุรี เท่านั้น จากนั้นอีก 2 ปี ก็มีสมาชิกใหม่มาเพิ่มอีก 2 ตัว และขยายพันธุ์เรื่อยๆ จนปัจจุบันมีมากกว่า 100 ตัว ส่งผลให้สถานที่ดังกล่าวกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างมูลค่ามหาศาล
เลขาธิการมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า วิพากษ์ว่า จากหลักฐานที่ตรวจพบเชื่อว่าวัดเสือมีความเชื่อมโยงกับขบวนการค้าสัตว์ป่าอย่างแน่นอน โดยปัจจุบันราคาเสือสูงมาก เช่น เสือโคร่งตัวเล็ก ราคาอยู่ที่แสนต้นๆ เสือตัวใหญ่ราคาประมาณแสนห้า และหากเป็นเสือตัวผู้อาจสูงถึงตัวละ 2 แสนบาท และเมื่อเสือถูกนำส่งไปยังประเทศจีน ราคาก็จะเพิ่มขึ้นอีกถึง 4 เท่า จึงไม่แปลกที่ในแต่ละปีมีเสือเข้าสู่ตลาดค้าสัตว์ป่าประมาณ 200-300 ตัว
“รัฐบาลควรตั้งหน่วยงานขึ้นมาแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง” นักเคลื่อนไหวรายนี้ ระบุ
สอดคล้องกับ สุรพล ดวงแข กรรมการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ฉายภาพปัญหาของขบวนการลักลอบค้าเสือว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาที่ซับซ้อนและเกิดขึ้นในหลายประเทศ เนื่องจากมูลค่าของการลักลอบสัตว์ป่าถือว่าสูงมากเที่ยบเท่าอาวุธและยาเสพติด ส่วนการดำเนินการของไทยที่ผ่านมาระบบกฎหมายและความร่วมมือฝ่ายที่เกี่ยวข้องยังมีไม่มีความพร้อม
พ.ต.ท.สมบัติ เตื้องวิวัฒน์ อดีตผู้อำนวยการส่วนการประสานงานระหว่างประเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) บอกว่า การลักลอบค้าชิ้นส่วนเสือนั้นมีการทำเป็นเครือข่ายจากผู้มีอิทธิพล ส่วนตลาดปลายทางของสินค้าประเภทนี้ มีตลาดหลักอยู่ 2 แห่ง คือเวียดนาม ซึ่งจะนิยมนำไปทำยาดองเหล้า และขายช็อตละ 500 บาท และประเทศจีน ซึ่งนิยมลักษณะเป็นชิ้นส่วนเนื้อต่างๆ นำไปตุ๋น หรือแปรรูป เป็นยาบำรุงกำลัง ทั้งในรูปแบบน้ำและแคปซูล
ขณะที่ตัวแทนภาครัฐที่ดำเนินการในเรื่องนี้อย่าง ชัยนิรุจน์ มะลิวัลย์ นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการ สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า ปัจจุบันกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองสัตว์ป่ามีโทษไม่หนักมาก เพราะมีโทษสูงสุดเพียงจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท เท่านั้น
“ตรงนี้ถือว่าเป็นโทษจุดอ่อนในการแก้ปัญหาทางด้านกฎหมาย แต่ถึงอย่างไรขณะนี้ก็กำลังมีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยจะมีการเพิ่มโทษให้หนักมากขึ้น นอกจากนั้นอาจจะเชื่อมโยงไปถึงในส่วนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น การฟอกเงินด้วย”ชัยนิรุจน์ กล่าว
เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ รายนี้ บอกอีกว่า เสือโครงในประเทศไทยถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่ไม่สามารถเพาะขยายพันธุ์ได้ ถ้าไม่ได้รับอนุญาต แต่สามารถอนุญาตให้ครอบครองได้ แต่จะต้องอยู่ภายในกฎระเบียบที่กำหนด ดังนั้นในไทยไม่สามารถมีฟาร์มเสือโคร่ง
กอร์ดอน คองดอน ผู้จัดการฝ่ายงานอนุรักษ์ องค์การกองทุนสัตว์ป่าสากล (WWF) ประเทศไทย อธิบายว่า เสือมีสำคัญต่อระบบนิเวศมาก เพราะเป็นสัตว์กินเนื้อที่มีความสำคัญสูงสุดที่คอยควบคุมปริมาณสัตว์ต่างๆ ในห่วงโซ่อาหาร สำหรับประเทศไทยนับว่าเป็นข่าวที่ที่ยังมีเสืออยู่ในธรรมชาติมาก คาดว่าทั่วประเทศมีทั้งสิ้น 150 ตัว


