posttoday

ส่องกุฏิ "ธัมมชโย"กำแพง3ชั้นล้อมยากเข้าถึง

31 พฤษภาคม 2559

พระธัมมชโยอยู่ภายในกุฏิที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกติดกับคลองสาม และมีกำแพงคอนกรีตอย่างหนาล้อมรอบ

โดย...ทีมข่าวในประเทศโพสต์ทูเดย์

กระบวนการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ในการเชิญ ธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มารับทราบข้อกล่าวหาคดีร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน และรับของโจร

ตั้งแต่ศาลอนุมัติหมายจับ กระทั่งเตรียมขอหมายค้น พร้อมคู่ขนานไปกับการใช้หลักปกครองทางสงฆ์ให้พระชั้นผู้ใหญ่ช่วยเจรจา ผ่านมาจนถึงบัดนี้ยังไม่สัมฤทธิผล

"วัดธรรมกายมีเนื้อที่จำนวนหลายพันไร่ มีทั้งในส่วนของวัดและมูลนิธิต่างๆ ซึ่งเป็นพื้นที่บริเวณวัดจริงๆ มีจำนวนไม่มากนัก ซึ่งการเข้าดำเนินการของดีเอสไอไม่อยากให้มีปัญหา จึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายให้รัดกุม"พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวไว้เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2559 น่าจะเป็นอีกคำอธิบายถึงปัญหาอุปสรรคในการแจ้งข้อกล่าวหาแต่โดยดี

คำบอกเล่าของ นพ.มโน เลาหวณิช อดีตพระลูกวัดพระธรรมกาย และอดีตศิษย์เอกของพระธัมมชโย ระบุว่า กรณีที่พระธัมมชโยดื้อแพ่งไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานที่ต้องเข้าไปจับกุมตัว และจากประสบการณ์ที่เคยเป็นพระลูกวัดพระธรรมกาย คิดว่าหากเจ้าพนักงานจะเข้าไป จะต้องใช้กำลังมากพอสมควร และต้องเข้าควบคุมหลายจุด ทั้งเรื่องมวลชน สถานที่ ฐานข้อมูลข่าวสารของทางวัด และพระลูกวัดที่พร้อมจะลุกฮือได้ตลอดเวลา ดังนั้น จะไม่ใช่ประเด็นการเข้าไปเอาตัวแค่ธัมมชโยเพียงอย่างเดียว

"ผมเชื่อว่าพระธัมมชโยยังอยู่ภายในวัด อยู่ภายในกุฏิที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกติดกับคลองสาม และมีกำแพงคอนกรีตอย่างหนาล้อมรอบกุฏิเอาไว้อีก 3 ชั้น ชั้นที่ 1 จะเป็นกำแพงล้อมรอบดงไม้ และชั้นที่ 2 เป็นกำแพงล้อมรอบทางเข้า และชั้นที่ 3 เป็นกำแพงที่ล้อมรอบกุฏิ โดยบริเวณนี้มีเนื้อที่ราว 196 ไร่ และหากเจ้าหน้าที่จะเข้าไป แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย"

นพ.มโน บอกว่า ทางเข้าออกไปยังกุฏิของพระธัมมชโยมีเพียงด้านเดียว ขณะเดียวกัน มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของทางวัดดูแลพื้นที่กุฏิตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งไม่ทราบว่ามีจำนวนอยู่เท่าใด พร้อมด้วยความเข้มงวดการเข้าออกของบุคคล เหนืออื่นใด ภายในพื้นที่กุฏิยังมีลานกว้างเพียงพอที่จะให้เฮลิคอปเตอร์ลงจอดได้ และบริเวณมหาเจดีย์ยังมีลานกว้างพอที่จะให้เครื่องบินขนาดเล็กบินขึ้นหรือลงได้เช่นกัน แต่ระหว่างลานจอดเครื่องบินที่ว่ากับกุฏิของธัมมชโย มีระยะทางที่ห่างกันพอสมควร

"หากให้อ่านความคิดของธัมมชโยในขณะนี้ ผมเชื่อว่าเขาทำอะไรไม่ถูกแล้ว ตัดสินใจไม่ถูก หรือไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ กลายเป็นเด็กไปแล้ว เพราะนิสัยที่เป็นคนทำงานด้วยระบบของอารมณ์ ไม่ใช่การทำงานหรือตัดสินใจด้วยเหตุผล และการดื้อแพ่งระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ก็เป็นเหตุผลและความต้องการของธัมมชโยเอง ทีมงานไม่มีส่วนตัดสินใจแทนอย่างแน่นอน เพราะใครจะไปเถียงเขาได้ ทุกคนต้องทำตามคำสั่งหมด ทีมงานก็คิดว่าสิ่งที่ทำตามคำสั่งนั้นคือบุญ ซึ่งจริงๆ มันไม่ใช่ คุณถูกเขาหลอก" นพ.มโน ย้ำ

ขณะที่มุมของการสึกพระที่เป็นกระแสอยู่ขณะนี้ ปรีชา สุวรรณทัต นักวิชาการที่ชำนาญกฎหมายสงฆ์ อธิบายถึงกรณีของพระธัมมชโย ว่า ตาม พ.ร.บ.สงฆ์ฯ หลักใหญ่มีเงื่อนไข คือ ถ้าศาลไม่ให้ประกันตัว อาจจะต้องทำพิธีสึกพระ แต่ทั้งนี้ กรณีตามข้างต้นหมายความว่าผู้ต้องหานั้นจะต้องเป็นภิกษุที่สมบูรณ์

อย่างไรก็ตาม กรณีของธัมมชโย ถ้ายึดตามพระลิขิตสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่ระบุชัดว่า ธัมมชโยอาบัติปาราชิกไปแล้วเนื่องจากไปยุ่งวุ่นวายกับทรัพย์สินเงินทอง แล้วทางการจะไปสึกเขาได้อย่างไร ถ้าจะไปสึกก็เท่ากับยอมรับว่าธัมมชโยเป็นพระภิกษุโดยสมบูรณ์อยู่แล้ว แต่ความจริงคือไม่ใช่ เขาไม่ใช่พระ เพียงแค่ชายที่ห่มผ้าเหลือง

ศ.วัชระ งามจิตเจริญ อาจารย์ประจำภาควิชาปรัชญา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองเรื่องการสึกพระว่า หากตำรวจหรือเจ้าหน้าที่เล็งเห็นว่าพระสงฆ์รูปนั้นต้องดำเนินคดี และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว แน่นอนว่าต้องมีพิธีสึกพระรูปนั้นก่อนเข้าห้องขัง แต่หากเล็งเห็นว่า ไม่กังวลว่าจะหลบหนี หรือไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานในคดี พระรูปนั้นก็ไม่จำเป็นจะต้องเข้าพิธีสึกก็ได้ และพระธัมมชโยก็ควรถูกปฏิบัติในรูปแบบเดียวกัน

"หากถึงต้องเข้าเรือนจำกัน แน่นอนว่าต้องสึก แต่หากพูดถึงห้องขังในโรงพัก ส่วนใหญ่เขาก็ไม่เอาพระเข้าห้องขังกัน อย่างเช่นถ้าพระเมา ตำรวจก็จะเอาไปสึกเลย จากนั้นค่อยว่ากัน"

ศ.วัชระ กล่าวว่า การสึกพระเปรียบได้ดั่งการประหารชีวิต หากยังอยู่ในขั้นการสอบสวนและไปสึก สุดท้ายผลปรากฏว่าพระไม่ผิด จะเอากลับไปบวชอีกก็ไม่ได้แล้ว แต่ยอมรับว่า กระบวนการไต่สวนเอาผิดระว่างพระด้วยกันเองยังมีปัญหาและช่องโหว่พอสมควร เพราะด้วยความใกล้ชิด ผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างพระ ทำให้พระที่ทำผิดแต่ผลสอบสวนจากพระบังคับบัญชามีผลออกมาไม่ผิดก็มีไม่น้อย และพระบางรูปก็พวกเยอะ เงินหนา หรือบารมีมากกว่าพระผู้บังคับบัญชา ทำอะไรผิดมาลูกเกรงใจจึงเกิดขึ้นได้ง่าย