posttoday

ปฏิรูประบบเลือกตั้ง เพิ่มโทษจำคุก-ปรับ 20 ล้าน

05 เมษายน 2559

ที่ประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ได้มติเอกฉันท์ 166 เสียงเห็นชอบกับรายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สปท. เรื่อง “การเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม”

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

เมื่อวันที่ 4 เม.ย. ที่ประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ได้มติเอกฉันท์ 166 เสียง เห็นชอบกับรายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สปท. เรื่อง “การเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม” ซึ่งตามขั้นตอนจะส่งให้กับคณะรัฐมนตรีดำเนินการต่อไป โดยรายงานฉบับดังกล่าวมีสาระสำคัญดังนี้

1.การปฏิรูปการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในทางการเมืองและการเลือกตั้ง ต้องขยายเวลาการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเป็น 08.00-18.00 น. เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการเลือกตั้ง และให้มีกฎหมายเพื่อรองรับการจัดตั้งกลุ่มบุคคล เพื่อดำเนินกิจกรรมและมีหน้าที่ในการสอดส่อง ป้องกัน และสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้เกิดการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม และให้มีงบประมาณโดยความเห็นชอบจาก กกต.

2.การปฏิรูปการป้องกันการทุจริตการเลือกตั้งและการซื้อเสียงขายเสียง หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคการเมืองต้องไม่เพิกเฉยหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิด โดยจะต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาทันที และแจ้งให้ กกต.ได้รับทราบในทุกกรณี เมื่อ กกต.ได้รับแจ้งดังกล่าวแล้ว จะต้องมีการติดตามตรวจสอบเรื่องที่แจ้งนั้นทันที หากหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรครู้แล้วเพิกเฉย ถือว่ารู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดด้วย

นอกจากนี้ เพื่อป้องกันการซื้อสิทธิขายเสียงทางอ้อมและระบบอุปถัมภ์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง และ สส.ทั้งก่อนการเลือกตั้ง ระหว่างการเลือกตั้ง และขณะดำรงตำแหน่ง ห้ามบริจาคช่วยงานตามประเพณีต่างๆ เช่น งานศพ งานอุปสมบท งานมงคลสมรส ภายในเขตเลือกตั้งของตน แต่ไม่ห้ามบุคคลดังกล่าวไปร่วมงานพิธีต่างๆ ทั้งนี้จะต้องมีการประกาศให้ประชาชนได้รับทราบถึงมาตรการดังกล่าวโดยทั่วถึง เพื่อที่ประชาชนในเขตเลือกตั้งนั้นจะได้ไม่เรียกร้องเงินจากบุคคลข้างต้น

3.ปฏิรูปการป้องกันธุรกิจการเมืองและนายทุนพรรคการเมือง กำหนดให้มีระบบคัดกรองผู้สมัครรับเลือกตั้งในแต่ละเขตเลือกตั้ง โดยให้สมาชิกพรรคการเมืองคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น สส.ในแต่ละเขตเลือกตั้ง (Primary Vote) เพื่อให้ได้ผู้สมัครรับเลือกตั้งที่เป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ถูกครอบงำจากนายทุน และช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบพรรคการเมือง

ลดภาระค่าใช้จ่ายของพรรคการเมืองและของผู้สมัครรับเลือกตั้งในการหาเสียง โดยให้รัฐสนับสนุนหรือช่วยเหลือการหาเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้ง เพื่อเป็นการให้โอกาสผู้สมัครรับเลือกตั้งได้นำเสนอนโยบายต่อประชาชนได้อย่างทั่วถึง อาทิ การพิมพ์ป้ายโฆษณาหาเสียง การติดและกำหนดจุดประกาศป้ายหาเสียง โดยให้ผู้สมัครพิมพ์ป้ายหาเสียงไม่เกินขนาดที่ กกต.กำหนด แล้วนำมาติดในจุดติดประกาศป้ายหาเสียงที่ กกต.ติดตั้งไว้ในย่านชุมชน เป็นต้น

4.ปฏิรูปการตรวจสอบและพัฒนานักการเมือง กำหนดให้ผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งในทุกระดับ ต้องแสดงความจำนงต่อ กกต. เพื่อแสดงตนและแนะนำตนต่อสาธารณะก่อนประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 1 ปี เพื่อประกาศให้ประชาชนในเขตเลือกตั้งรับทราบและได้มีการติดตามตรวจสอบผู้สมัครรับเลือกตั้งโดยภาคประชาชน ทั้งนี้ผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องเข้าร่วมการอบรมหลักสูตรที่จัดโดย กกต.ก่อนเข้าสู่การเมือง อาทิ กฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และบทเรียนเรื่องความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย เป็นต้น

5.ปฏิรูปการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับ กกต. เพื่อให้การดำเนินงานของ กกต.มีประสิทธิภาพ จึงต้องกำหนดให้มีมาตรการบังคับอย่างจริงจังในการสั่งการให้ฝ่ายทหาร ฝ่ายตำรวจ และฝ่ายปกครอง รวมถึงข้าราชการอื่น ปฏิบัติหน้าที่เพื่อช่วยเหลืองานของ กกต. เพื่อให้ผลสัมฤทธิ์ในการควบคุมและดำเนินการจัดการเลือกตั้ง นอกจากนี้ต้องจัดทำบัญชีโครงสร้างบุคคลที่ทุจริตการเลือกตั้งและซื้อเสียง เพื่อนำไปใช้เป็นข้อมูลในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตการเลือกตั้ง

6.การกำหนดมาตรการลงโทษ ในกรณีที่หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคการเมืองรู้ถึงเหตุแห่งการที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคการเมืองหรือผู้ช่วยหาเสียงของพรรคการเมืองไปกระทำความผิดต่อกฎหมายเลือกตั้ง ประกาศ หรือคำสั่งของ กกต.แล้วเพิกเฉย ถือว่าหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคการเมืองรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดดังกล่าว ถือเป็นความผิด มีโทษต้องถูกตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต

กำหนดให้มีมาตรการลงโทษทั้งทางแพ่ง ทางอาญา และทางการเมืองที่รุนแรง เด็ดขาดและรวดเร็ว ในการลงโทษทั้งผู้แจกเงินซื้อเสียงและผู้รับเงินซื้อเสียง เช่น กำหนดบทลงโทษทางอาญาที่รุนแรงกับผู้กระทำความผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งให้มีโทษจำคุก 1-10 ปี โดยไม่ให้มีการรอการลงโทษหรือรอการกำหนดโทษ ให้มีโทษปรับถึง 20 ล้านบาท และให้มีอายุความ 20 ปี

กำหนดให้มีมาตรการลงโทษนายทุน กลุ่มทุน หรือธุรกิจการเมืองที่นำเงินมาลงทุนในพรรคการเมืองเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ตลอดจนลงโทษ สส.และ สว.ที่มีพฤติกรรมรับเงินหรือผลประโยชน์อื่นใดจากกลุ่มทุนทางการเมืองเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เช่น มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี โดยไม่มีการรอการลงโทษหรือรอการกำหนดโทษ และมีโทษปรับจำนวน 20 ล้านบาท และหากเป็นนิติบุคคลที่กระทำความผิด ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าตรวจสอบกระแสการเงินหมุนเวียนในนิติบุคคลนั้นได้ด้วย

7.การดำเนินคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งและการจัดตั้งศาลเลือกตั้ง ในการทำสำนวนการสอบสวนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ให้พนักงานสอบรวบรวมพยานหลักฐานให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน และให้ทำความเห็นส่งให้ กกต.และหากเป็นความผิด ให้ กกต.ยื่นฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจภายใน 15 วัน โดยให้ศาลพิจารณาในกรณีที่มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน

ทั้งนี้ ในระยะเริ่มแรกเห็นควรให้มีศาลแผนกคดีเลือกตั้งและวิธีพิจารณาคดีเลือกตั้งอยู่ในศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาของศาลยุติธรรม และให้พัฒนาศาลยุติธรรมดังกล่าวเป็นศาลเลือกตั้งต่างหากต่อไป