posttoday

"FAIR" นโยบายหลักจากนายกลูกหนังคนที่ 17 "สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง "

11 กุมภาพันธ์ 2559

ย้อนดูนโยบาย FAIR ของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลคนใหม่

ย้อนดูนโยบาย FAIR ของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลคนใหม่

การเปลี่ยนแปลงของวงการฟุตบอลไทยกำลังเกิดขึ้นแล้ว เมื่อ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. ได้รับเลือกให้เป็นนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยคนที่ 17 ด้วยคะแนน 62 เสียง จากทั้งหมด 68 เสียง โดยเบื้องต้นจะดำรงตำแหน่ง 4 ปี

นโยบายหลักที่ พล.ต.อ.สมยศ ประกาศไว้ตั้งแต่ลงสมัครท้าชิง คือ "FAIR" โปร่งใส และเป็นธรรม ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

FAIR 1 คือ ปรับปรุงการบริหารงานของสมาคมให้เป็นองค์ธรรมมาภิบาล โปร่งใสบริสุทธิ์ ยุติธรรม ตรวจสอบได้ ไม่แบ่งพรรคแบ่งพวก เปิดโอกาสให้สมาชิกและผู้แทน มีส่วนร่วมกับการบริหารงานมากที่สุด โดยจะมีการปรับโครงสร้างสภากรรมการใหม่ ประกอบด้วยผู้แทนจากลีกภูมิภาค 6 คน โดยเลือกกันมากเองภูมิภาคละ 1 คน ผู้แทนดิวิชั่น 1 จำนวน 4 คน ผู้แทนไทยพรีเมียร์ลีก 4 คนและผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการบริหารจำนวน 4 คน รูปแบบนี้เชื่อว่าการบริหารงานของสมาคมจะโปร่งใสและเป็นธรรม

FAIR 2 ปรับปรุงการบริหารสิทธิและประโยชน์  รายรับ รายจ่าย ของสมาคมฟุตบอลฯ โดยเปิดเผยและกระจายงบประมาณให้เพื่อนสมาชิกอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม

FAIR 3 ปรับโครงสร้างบริษัทจัดการแข่งขันฟุตบอลลีก ให้ทุกสโมสรในลีกนั้นได้สิทธิเป็นผู้ถือหุ้นและเป็นผู้บริหาร ต่างจากปัจจุบันที่บริษัทไทยพรีเมียร์ลีกถูกบริหารโดยกลุ่มบุคคลเพียงไม่กี่คน ผิดกับอารยประเทศที่เจริญแล้ว ตัวอย่างเช่น พรีเมียร์ลีกอังกฤษ เขาเปิดโอกาสให้ตัวแทน 20 ทีมในทุกสโมสรได้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหาร ทำให้เกิดความโปร่งใส เนื่องจากทุกสโมสรจะทราบที่มาของรายได้ และเม็ดเงินที่ถูกกระจายออกไป  การมีส่วนร่วมตรงนี้เป็นพื้นฐานความแข็งแกร่งของสโมสร

FAIR 4 ทุกเกมในสนามต้อง Fair Play ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการแข่งขันฟุตบอล ซึ่งวันนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่ทุกสโมสรต้องเจอคือ การทำหน้าที่ของกรรมการผู้ตัดสินบางกลุ่ม

FAIR 5 การพัฒนาทีมชาติไทย ต้อง FAIR กับทุกสโมสรและ FAIR กับเด็กๆ ทุกคน ต้องสร้างทีมชาติไทยขึ้นมาด้วยการวางรากฐานที่แข็งแกร่งตั้งแต่ระดับเยาวชน โดยผมจะสร้างอะคาเดมี่ ของทีมชาติไทย เปิดโอกาสให้ทุกสโมสร ส่งนักฟุตบอลระดับเยาวชนเข้ามาพัฒนาอย่างเท่าเทียมด้วยมาตรฐานสากล โดยสมาคมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด เป้าหมายคือ ภายใน 5 ปี ทีมชาติไทยชุดอายุ 17 ปี และ 19 ปี จะต้องไปให้ถึงฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย

พล.ต.อ.สมยศ เคยกล่าวด้วยความมั่นใจว่า จะได้รับเลือกเป็นายกลูกหนังแน่นอน เนื่องจากสโมสรสมาชิกเห็นตรงกันแล้วว่า ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงพัฒนาวงการฟุตบอล

“ปรัชญาในการทำงานของผม ยึดถือหลักเกณฑ์ความถูกต้อง บริสุทธิ์ ยุติธรรม เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับและกฎหมาย ไม่กลั่นแกล้ง ใส่ร้ายป้ายสี ไม่ช่วยเหลือหรือเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง เมื่อมีความยุติธรรมเหล่านี้แล้ว ความเท่าเทียม ความเสมอภาคจะมาเอง และเป็นที่มาของคำว่า Fair ไง โปร่งใส ยุติธรรม เสมอภาค และเท่าเทียม คนไทยเราชอบแฟร์ๆ อยู่แล้ว อย่าเอาเปรียบ”

พล.ต.อ.สมยศ ยังกล่าวถึงปัญหาหลักที่ตัดสินใจเข้ามาลงสมัครท้าชิงตำเเหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ ด้วยว่า ที่ผ่านมาของวงการฟุตบอลมีปัญหามากมายที่ต้องได้รับการเเก้ไข ไล่ตั้งเเต่ การบริหารจัดการองค์กรภายในสมาคม ซึ่งไม่โปร่งใส ไม่มีความบริสุทธิ์ยุติธรรม มีการเล่นพรรคเล่นพวก จนเป็นเหตุนำไปสู่การฟ้องร้องต่างๆ รวมทั้งสูญเสียศรัทธาจากแฟนฟุตบอล นอกจากนั้นมีเรื่องของเม็ดเงิน ที่ไม่สามารถชี้เเจงรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างเเน่ชัด เเละที่สำคัญคือ ความยุติธรรมในสนาม อย่างการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน ซึ่งนำมาสู่ความเสียหายระยะยาว

ทั้งนี้ นายกสมาคมลูกหนังคนล่าสุด ประกาศไว้เเล้วว่า "โค้ชเฮง วิทยา เลาหกุล" จะเข้ามานั่งแท่นประธานพัฒนาเทคนิคฟุตบอล เเละยืนยันว่าจะไม่ปลด "ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง" โค้ชฟุตบอลทีมชาติไทยอย่างเเน่นอน