"Coworking Space"...สวรรค์ของคนเบื่อออฟฟิศ
เมื่อออฟฟิศกลายเป็นสถานที่สุดน่าเบื่อ ... "Coworking Space" จึงเป็นคำตอบที่ใช่ของมนุษย์ทำงานผู้รักอิสระ
โดย...วรรณโชค ไชยสะอาด
ชั่วโมงนี้เทรนด์การทำงานกำลังเปลี่ยนไปแล้ว...
หลายคนที่เบื่อบรรยากาศอันซ้ำซากจำเจ แสนจะวุ่นวาย ภายในออฟฟิศ และ อยากออกไปสูดอากาศปลอดโปร่ง ให้หัวสมองแล่นฉิว "Coworking Space" หรือ "โคเวิร์คกิ้ง สเปซ" ถือเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจยิ่ง
ที่นี่คือ "พื้นที่ทำงาน" ให้เช่า มีทั้งรายวัน-เดือน-ปี เป็นพื้นที่ส่วนตั๊วส่วนตัว ออกแบบภายใต้ดีไซน์สุดเก๋ เหมาะสำหรับคนทำงาน ฟรีแลนซ์ นักธุรกิจสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ไฟแรงที่ถวิลหาความอิสระ อยากจัดประชุม อีเว้นท์ งานสัมมนา หรือนั่งทำงานชิลชิลได้ทั้งนั้น
แค่โน๊ตบุ๊คตัวเดียว อย่างอื่นไม่ต้อง
กานต์ รอดสวัสดิ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Kliquedesk ออฟฟิศสุดเท่ย่านอโศก เล่าให้ฟังว่า Co-working Space เป็นเทรนด์การทำงานรูปแบบใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมในต่างประเทศ โดยเฉพาะบริษัทที่เพิ่งเริ่มกิจการ หรือคนทำงานอิสระที่คิดว่าตัวเองทำงานที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องมีโต๊ะทำงานตายตัว ขอแค่โน้ตบุ๊กและอินเทอร์เน็ต แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
“เทรนด์ความต้องการของผู้ใช้งาน เป็นโจทย์ใหญ่ที่ทำให้เราปรับเเต่งพื้นที่ให้เกิดความหลากหลาย เน้นดีไซด์สถานที่ให้โดดเด่น ใช้คอนเซ็ปต์ที่สามารถดึงความคิดสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะรูปเเบบ private office, Conference ,Coworking Space และ Virtual Office ซึ่งทั้งหมดต้องศึกษาพฤติกรรมผู้ใช้งานแต่ละส่วนว่ามีความต้องการสิ่งใด เพื่อจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกมาตอบโจทย์ ภายใต้คอนเซปต์ว่าเรื่องอื่นไม่ต้องห่วง โน้ตบุ๊กตัวเดียวพอ”
กานต์บอกว่า เหล่าสตาร์ทอัพ หรือผู้เริ่มทำธุรกิจใหม่ๆที่ยังไม่มั่นใจว่าธุรกิจจะอยู่รอดได้ยาวแค่ไหน การใช้วิธี "เช่าพื้นที่" แทนที่จะสร้างออฟฟิศ ทำให้ตัดความกังวลในเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆที่ค่อนข้างสูงไปได้ ซ้ำยังไม่ต้องมานั่งคิดมากกับการบำรุงรักษาข้าวของเครื่องใช้อื่นๆภายในออฟฟิศ สามารถเอาเวลาไปสนใจจดจ่อกับการทำธุรกิจอย่างเต็มที่
ทั้งหมดนี้จึงส่งผลให้ Coworking Space และ private office ตอบโจทย์เจ้าของกิจการขนาดเล็กหรือนักธุรกิจอยู่ในช่วงเริ่มต้นอย่างแท้จริง
เลือก"พื้นที่"ให้เหมาะกับ"งาน"
เจย์ สเปนเซอร์ ทีมผู้บริหาร glowfish มองว่า ทำเลที่ง่ายต่อการเข้าถึง สิ่งอำนวยความสะดวกที่น่าดึงดูด และความสัมพันธ์ในพื้นที่นั้นๆ เป็นปัจจัยชี้วัดความสำเร็จของ Coworking Space
“การจะประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่ทำออฟฟิศขึ้นมาเพื่อให้บริการ โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆเท่านั้น แต่คอนเซ็ปต์ต้องลึก ต้องส่งเสริมให้คนพัฒนาจากความสัมพันธ์ที่เขามีร่วมกัน เพราะการตัดสินเลือกพื้นที่ของคนใช้บริการ นอกจากทำเลแล้ว เขายังประเมินว่าที่ตรงนั้นส่งเสริมธุรกิจหรือพัฒนาความคิดของเขาไหม แวดล้อมไปด้วยคนที่คิดตรงกัน หรือคิดคล้ายๆกันให้แลกเปลี่ยนไอเดียหรือเปล่า”
เจย์ยังชี้ว่า ในอนาคต Coworking Space จะผุดมากขึ้นเรื่อยๆ และคาดว่าจะมีตัวเลือกอีกมากมายให้ผู้ใช้งานได้เลือกไปในที่ที่เหมาะสมกับโจทย์ของตัวเอง เช่น นักธุรกิจอาจจะไปรวมตัวกันที่ย่านสาธร นักออกแบบอาจจะไปรวมกันที่ชิดลม ขณะที่นักเขียนก็อาจจะเป็นรวมกันที่ไหนสักแห่งที่เหมาะกับบรรยากาศการทำงานของตัวเอง
“มันอาจจะไม่มี Coworking Space ที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน ขึ้นอยู่กับว่าคุณสามารถเฟ้นหาที่ที่เหมาะสมสำหรับคุณได้มากน้อยเเค่ไหน อย่างคุณไป Coworking แห่งหนึ่ง เเล้วพบว่าไม่เหมาะกับคุณ รู้สึกว่าทำไมคนที่นี่แปลกจัง ก็ถือเป็นการเลือกที่ผิด มันอยู่ที่ว่าที่ไหนสามารถพัฒนาการทำงานของคุณ เหมือนการไปโรงเรียน ถ้าเลือกถูกยอดเยี่ยม”
สวรรค์ของคน"คอเดียวกัน"
ณรงค์ปกรณ์ สว่างวารีสกุล ภูดิศ เจริญปัญญายิ่ง เเละ นราพงษ์ วสิฏฐิตานนท์ 3 หนุ่มเจ้าของ Coworking Space สไตล์ลอฟท์ “DRAFTBOARD” ขนาด 700 ตารางเมตร บนชั้น 12 ของอาคารอรกานต์ ถนนชิดลม เผยจุดมุ่งหมายของการทำธุรกิจนี้ให้ฟังว่า
“เป้าหมายหลักของเราคือ อยากให้เหล่าฟรีแลนซ์หรือเหล่าดีไซน์เนอร์ทั้งหลายได้มีสถานที่ทำงานที่ดีกว่าร้านกาแฟ ซึ่งไม่มีที่เก็บของ เก็บงาน และมันคงน่าสนใจไม่น้อย ถ้าคนที่นั่งอยู่รอบๆ เรา เป็นคนที่คิดหรือทำงานแบบเดียวกันกับเรา ถ้าอยู่บ้านแล้วคิดงานไม่ออก คุณก็คงจะนอนไปเลย แต่ที่ DRAFTBOARD ไม่ใช่ ที่นี่มีเพื่อนข้างๆให้คุณหันมาถาม หรือบางครั้งหลังดีไซน์งานแล้วเสร็จ แทนที่จะส่งให้ลูกค้าทันที เราก็หันมาแลกแปลี่ยนมุมมองกับเพื่อนได้ มันคือสถานที่ที่เราได้มานั่งทำงานด้วยกันจริงๆ"
ณรงค์ปกรณ์ แนะว่า การเลือก Coworking Space สักแห่ง ไม่ใช่แค่มีโต๊ะกว้าง เก้าอี้นั่งสบาย สำคัญอยู่ตรงคนที่ร่วมกันในนั้นทำให้คุณทำงานได้ดีขึ้นหรือเปล่าต่างหาก
ด้วยความที่เป็นฟรีแลนซ์มาก่อน ทำให้ทั้งคู่เข้าใจวัฏจักรชีวิตการทำงานของเหล่าฟรีแลนซ์ที่ไม่ได้ขึ้นตรงต่อพระอาทิตย์เหมือนคนทั่วไป หลายคนชอบทำงานกลางคืนที่ติดเครื่องแล้วหยุดไม่ได้
“Coworking Space ของเรา อยากซัพพอร์ตกับเหล่ากราฟฟิกดีไซเนอร์และพวกฟรีแลนซ์ที่กลางวันหัวไม่แล่น เพราะผมเองรู้ว่า กลางคืนมันเป็นเวลาที่นิ่งกว่ากลางวัน มันดูมืดเหมือนกันไปหมดและเพลินมากกับงาน ผิดกับตอนกลางวันที่มีทั้งเช้า สาย เที่ยง บ่าย ที่เราสัมผัสได้ ที่สำคัญตอนกลางคืนไม่มีเวลาพักกินข้าวเที่ยงครับ”อดีตฟรีแลนซ์ยิ้มอย่างคนเข้าใจหัวอกเดียวกัน
ความอึดอัดในบรรยากาศออฟฟิศแสนจำเจ ทำให้คนรุ่นใหม่ผู้รักอิสระจำนวนไม่น้อยต่างมองหาพื้นที่ที่จะทำให้ตัวเองมีความสุขกับการทำงานมากที่สุด ไม่แน่ ... ต่อไปคุณอาจได้พบที่ปรึกษาคนสำคัญในพื้นที่ที่เรียกว่า Coworking Space ก็เป็นได้