posttoday

จับตา "บิ๊กแจ๊ด" ซ้ำเติมวิกฤตบิน

25 มิถุนายน 2558

กรณีญี่ปุ่นจับกุม "พล.ต.ท.คำรณวิทย์" น่าจะสร้างปัญหาใหม่ให้กับรัฐบาลไทยและกระทรวงคมนาคมแน่นอน

โดย...ทีมข่าวเศรษฐกิจภาครัฐโพสต์ทูเดย์

การที่เจ้าหน้าที่สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น จับกุมตัว พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ในข้อหาพกพาอาวุธปืนเข้าสนามบินนาริตะ คงไม่จบลงง่ายๆ และน่าจะสร้างปัญหาใหม่ให้กับรัฐบาลไทยและกระทรวงคมนาคมแน่นอน 

ไม่ต่างกับจากเมื่อครั้งที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ตรวจพบข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (SSC) ในการกำกับดูแลสายการบินของกรมการบินพลเรือน (บพ.) กระทั่งนำไปสู่มีการปักธงแดงหน้าชื่อประเทศ ซึ่งสร้างผลกระทบให้อุตสาหกรรมการบินของไทยถ้วนหน้า

โดยเฉพาะหากมีข้อพิสูจน์เป็นที่ประจักษ์ว่า สนามบินสุวรรณภูมิปล่อยปละละเลยให้ผู้โดยสารนำอาวุธปืนขึ้นเครื่องบินโดย “ไม่แจ้ง” ให้สายการบินและฝ่ายรักษาความปลอดภัยของบริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ทราบ จะสะท้อนถึงข้อบกพร่องของระบบการรักษาความปลอดภัย (Security) ของสนามบิน

เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม ออกมายืนยันตามที่ ประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานคณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ได้รายงานว่าจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณจุดตรวจค้น และตรวจกระเป๋าสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่องบินเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2558 ซึ่งเป็นวันที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิไปนอกประเทศ ไม่พบว่ามีการนำอาวุธปืนออกไป และไม่มีการรายงานว่ามีการขออนุญาตนำปืนออกนอกประเทศแต่อย่างใด

“มั่นใจว่าเรื่องนี้จะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นในระบบการรักษาความปลอดภัยในสนามบินของไทย ซึ่ง ทอท.มีหลักฐานยืนยันได้ โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิด จึงไม่น่าจะมีประเด็นที่ระบุถึงความบกพร่องในการผ่านเข้าออกสนามบิน แต่ได้กำชับให้เข้มงวดกับทุกคน รวมทั้งบุคคลวีไอพี ว่าจะต้องผ่านขั้นตอนตรวจค้นโดยไม่มีการยกเว้น” พล.อ.อ.ประจิน กล่าว

พล.อ.อ.ประจิน ยืนยันว่า กรณีการจับกุมอาวุธปืนของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จะไม่มีผลกระทบต่อการที่ ICAO จะส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบระบบการกำกับดูแลความปลอดภัยของสนามบินภายใต้โครงการตรวจสอบและกำกับดูแลระบบการรักษาความปลอดภัยสากล (USAP) ในปี 2559 เนื่องจากระบบกำกับดูแลความปลอดภัยในสนามบินของไทย โดยเฉพาะสนามบินสุวรรณภูมิได้มาตรฐานสากล

“ไม่มีข้อร้องเรียนจากปลายทางว่าตรวจพบสิ่งของต้องห้ามผ่านจากสนามบินของไทย แต่เห็นว่าฝ่ายปฏิบัติจะต้องนำเรื่องนี้มาเป็นกรณีศึกษา” พล.อ.อ.ประจิน ย้ำ

ด้าน ประสงค์ ย้ำว่า หลังตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด เมื่อ
วันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์เดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิในช่องวีไอพีของสายการบินไทย พบว่า พล.ต.ท.
คำรณวิทย์ ให้ความร่วมมือในจุดตรวจค้นอย่างดี ซึ่งในภาพปรากฏชัดเจนว่ามีการถอดสูทและเดินกลับมาถอดรองเท้าอีกรอบ

สำหรับกระเป๋าเป้ที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ถือติดตัว ก็ได้นำผ่านเครื่องเอกซเรย์ และเมื่อตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดไม่พบว่ามีการพกอาวุธปืนติดตัวหรืออยู่ในกระเป๋าเป้ในวันดังกล่าว เช่นเดียวกับการตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระที่โหลดใต้ท้องเครื่องบิน ซึ่งต้องผ่านการตรวจเอกซเรย์ด้วยเครื่องซีทีเอ็กซ์ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ และระบบขึ้นคำว่า “เคลียร์”

“ความผิดพลาดในขั้นตอนตรวจค้นของเจ้าหน้าที่คงเป็นไปได้ยาก และเมื่อนำภาพจากเครื่องเอกซเรย์มาดูย้อนหลังก็ไม่พบอาวุธปืน” ประสงค์ กล่าว

นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ระบุว่า จากการตรวจระบบตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระผ่านเครื่องซีทีเอ็กซ์ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการตรวจสอบวัตถุระเบิดหรือสารตั้งต้นของระเบิด รวมถึงกระสุนปืนหรือคราบเขม่าดินปืน ไม่มีความผิดปกติในการคัดแยกกระเป๋า และเครื่องซีทีเอ็กซ์ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกลุ่มล็อกซเล่ย์ไม่พบว่ามีข้อบกพร่องเช่นกัน อีกทั้งที่ผ่านมา TSA (Transportation Security Administration) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านความปลอดภัยของสหรัฐได้ตรวจสอบเป็นระยะๆ

“แม้ว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จะผ่านช่องทางพิเศษ แต่ขั้นตอนและอุปกรณ์การตรวจร่างกายและสัมภาระจะเหมือนกับช่องทางปกติทั่วไป และกรณีของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์นั้น เมื่อตรวจดูภาพจากกล้องวงจรปิดและข้อมูลบันทึกไว้ไม่พบว่ามีการพกอาวุธปืน ซึ่งเป็นข้อที่พิสูจน์ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ในขณะนี้” นิตินัย กล่าว

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ได้สั่งการให้ตรวจสอบในเรื่องนี้ว่า เหตุใด พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จึงสามารถนำอาวุธปืนผ่านจุดตรวจที่สนามบินสุวรรณภูมิไปยังประเทศญี่ปุ่นได้ และผ่านการตรวจเอกซ์เรย์ไปได้อย่างไร เพราะถือว่ามีความผิดเหมือนการลักลอบขนของหนีภาษี แต่อย่านำไปเชื่อมโยงประเด็นกับปัญหา ICAO เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคล

จึงต้องติดตามว่าผลตรวจสอบจะเป็นอย่างไร