posttoday

เฉลิมงัด 3 ปมสู้คดีเยียวยา ยันไม่ผิด พรบ.งบประมาณ

15 สิงหาคม 2560

ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

สถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ ทุกฝ่ายต่างจับจ้องไปที่คดีจำนำข้าวของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมีการอ่านคำพิพากษาในวันที่ 25 ส.ค. ซึ่งไม่ว่าผลการตัดสินจะออกมารูปแบบใด ย่อมทำให้การเมืองร้อนระอุ

อย่างไรก็ตาม นอกจากคดีดังกล่าวแล้ว ยังมีคดีสำคัญที่ทุกฝ่ายต่างรอเฝ้าจับตานั่นคือ คดีการจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองปี 2548-2553 โดยมิชอบ ซึ่งมียิ่งลักษณ์และอดีตรัฐมนตรีรวม 36 คน ถูก กล่าวหา ซึ่งคดีนี้ สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ภายในเดือน ก.ย.นี้จะสามารถชี้มูลความผิดได้

ทั้งนี้ คดีดังกล่าวได้มีการวิเคราะห์กันต่างๆ นานา ทำนองว่าจะเป็นอีกหนึ่งคดีที่จะกำจัดพรรคเพื่อไทยและเครือข่ายทักษิณให้หมดสิ้น แต่งานนี้คง ไม่จบง่ายๆ ยังมีอีกหลายขั้นตอน

ขณะเดียวกัน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา ได้ทำหนังสือชี้แจงข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก 3 ประเด็น หลังได้เคยยื่น คำชี้แจงไปก่อนหน้านี้หลายครั้งแล้ว โดยประเด็นคำชี้แจงของ ร.ต.อ.เฉลิม ล่าสุด มีเนื้อหาน่าสนใจดังนี้

ตามที่อนุกรรมการให้ไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองปี 2548-2553 โดยมี วิชา มหาคุณ อดีตกรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการและได้แจ้งข้อกล่าวหาอดีตคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุด ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวม 36 คน จ่ายเงินเยียวยาจากงบกลาง รายการเงินทดรองจ่าย กรณีฉุกเฉินจำเป็นโดยไม่ปรากฏว่ามีกฎหมายรองรับ

จึงเป็นการหลีกเลี่ยงละเว้นไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 จึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ทำให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของประเทศ

ทั้งนี้ ขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา 1.ตนเองมิได้มีเจตนาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของประเทศ เนื่องจากในการพิจารณามีมติของคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติการจ่ายเงินเยียวยา ดังกล่าว มีการพิจารณาจากฝ่ายที่รับผิดชอบมาตามกระบวนการ

ดังนั้น การที่จะอ้างว่าตนเองหรือคณะรัฐมนตรีมีเจตนาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตนเองจะต้องรู้ข้อเท็จจริงว่า การพิจารณาอนุมัติกรอบวงเงินเยียวยาดังกล่าวไม่มีกฎหมายให้อำนาจอนุมัติได้ แต่กรณีดังกล่าวเป็นการอนุมัติไปตามกรอบของกฎหมายเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินในงบประมาณแผ่นดิน คือ พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 23 วรรคท้าย และไม่มีฝ่ายใดทักท้วงหรือโต้แย้งว่า คณะรัฐมนตรีไม่สามารถอนุมัติให้จ่ายเงินจากงบกลางตามที่รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบเสนอขออนุมัติได้

จะเห็นได้จากในภายหลังได้มีการนำคดีเกี่ยวกับการจ่ายเงินเยียวยานี้ขึ้นสู่ศาลปกครอง ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาแล้วว่าคณะรัฐมนตรีสามารถกระทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ต่อมาภายหลัง คณะรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังได้มีการหารือไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า คณะรัฐมนตรีหรือรัฐบาลมีอำนาจจ่ายเงินเยียวยาได้หรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาและมีความเห็นว่า คณะรัฐมนตรีมีอำนาจตามกฎหมายที่จะอนุมัติให้จ่ายเงินเยียวยาได้

2.ไม่มีเจตนาทุจริต เนื่องจากตนเองไม่เกี่ยวข้องกับการรับเงินหรือไม่เป็นผู้รับผลประโยชน์ใดๆ จากการอนุมัติเงินเยียวยา และไม่มีเจตนาจะอนุมัติให้จ่ายเงินเยียวยาในครั้งนี้ตกเป็นประโยชน์แก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด เนื่องจากขณะและก่อนลงมติก็ไม่ทราบมาก่อนว่าใครบ้างจะเป็นผู้ได้รับเงินเยียวยาในครั้งนี้ มาทราบรายชื่อผู้ได้รับเงินเยียวยาจากการตรวจสอบภายหลังจากที่คณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงแจ้งข้อกล่าวหาแก่ตนเองแล้ว

ทั้งนี้ จึงได้นำรายชื่อผู้รับเงินเยียวยาเรียนชี้แจงแก่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ในทันทีและตนเองไม่เคยรู้จักสนิทสนมกับบุคคลเหล่านั้นแต่อย่างใดเลย ซึ่งบุคคลต่างๆ เหล่านั้น เป็นบุคคลที่ได้รับผล กระทบจากเหตุการณ์ทางการเมืองทุกฝ่าย โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติหรือจงใจให้ประโยชน์ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดโดยเฉพาะ

3.ตนเองและคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้เงินในกรอบของวงเงินที่คณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) ได้มีการพิจารณาศึกษามาแล้ว และได้เสนอเรื่องขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีในวงเงิน 2,000 ล้านบาท

ส่วนรายละเอียดในการพิจารณาว่ากรอบอัตราช่วยเหลือ ชดเชยเยียวยาความเสียหายอย่างไร รายละเท่าไรนั้นเป็นรายละเอียดและเป็นอำนาจหน้าที่ของ ปคอป. ข้าพเจ้าและคณะรัฐมนตรีไม่ได้เป็นผู้กำหนด อีกทั้งตนเองไม่ใช่รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบในการพิจารณาในรายละเอียดดังกล่าวและไม่มีการพิจารณารายละเอียดในการขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแต่อย่างใดเลย

ดังนั้น การที่ตนเองและคณะรัฐมนตรีของยิ่งลักษณ์ มีมติอนุมัติให้ส่วนราชการจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองในครั้งนี้ จึงชอบแล้วด้วยบทบัญญัติของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 23 วรรคท้ายดังกล่าวแล้ว การกระทำของตนเองจึงไม่มีมูลความผิดตามที่คณะอนุกรรมการไต่สวนแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด

ข้อต่อสู้ของ ร.ต.อ.เฉลิม ป.ป.ช.จะรับฟังมากน้อยแค่ไหนต้องเกาะติดกันต่อไป อีกไม่นานรู้กัน