ซื้อขายตำแหน่ง สะเทือน คสช.
ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายกับการงัด “ไม้ตาย” เลือกใช้วิธีฟ้องร้องสกัดการขยายผล หลัง วิทยา แก้วภราดัย แกนนำ กปปส. ออกมาจุดประเด็นเรื่องการซื้อขายตำแหน่งตำรวจ
โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายกับการงัด “ไม้ตาย” เลือกใช้วิธีฟ้องร้องสกัดการขยายผล หลัง วิทยา แก้วภราดัย แกนนำ กปปส. อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ออกมาจุดประเด็นเรื่องการซื้อขายตำแหน่งตั้งแต่ระดับสารวัตรถึงรองผู้บังคับการ วาระประจำปี 2559
รอบแรกจากการออกมาแจกแจงรายละเอียด พบการจ่ายเงินกับการแต่งตั้งระดับผู้กำกับการที่วิ่งเต้นด้วยเงินสูงตั้งแต่ 5-7 ล้านบาท ส่วนระดับสารวัตรราคาอยู่ที่ 1-5 แสนบาท ถึง 2 ล้านบาท ท่ามกลางกระแสข่าวมีกลุ่มนายตำรวจนับสิบนายที่จ่ายเงินให้แก่ภรรยาลับๆ ของนายตำรวจระดับบังคับบัญชาชั้นสูงเพื่อเป็นค่าผ่านทางในการเลื่อนตำแหน่ง
ส่งผลให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีคำสั่ง ตร.287/2560 ลงวันที่ 12 มิ.ย. ให้ พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่ง
รอบที่สอง วิทยา ออกมาทิ้งระเบิดลูกโตว่า การแก้ปัญหายังไม่ถูกต้องทั้งหมดเพราะต้องแก้ปัญหาทั้งโครงสร้างการบริหาร และเรื่องการซื้อขายตำแหน่งไม่ใช่แค่ที่นี่ที่เดียว ขอให้ ผบ.ตร.ไปดูข้อมูลที่อื่นด้วย โดยเฉพาะในส่วนของตำรวจนครบาลที่บวกไปอีก 2 เท่า และเชื่อว่าคนที่รู้ข้อมูลเรื่องนี้ดีที่สุดคือ ผบ.ตร.
ก่อนที่ทุกอย่างบานปลายมากกว่านี้ พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้บัญชาการกองกฎหมายและคดี กล่าวว่า หากการออกมาพูดโดยไม่มีข้อเท็จจริง ถือเป็นหมิ่นประมาทตามกฎหมายอาญา มาตรา 326 ซึ่งจะได้พิจารณาว่าจะดำเนินการฟ้องร้องหรือไม่ เพราะทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นนิติบุคคล ซึ่งได้รับความเสียหายหากมีการพาดพิงถึงบุคคลในองค์กร
ต้องยอมรับว่าการซื้อขายตำแหน่งในแวดวงสีกากีไม่ใช่เรื่องใหม่ ก่อนหน้านี้ เคยมีกรณี “ไลน์หลุด” เรื่องการซื้อขายตำแหน่งตำรวจ ที่มีการพาดพิง “พล.อ. ป” ซึ่ง พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป สมาชิก สปท. ออกมาเปิดประเด็น
ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจงัด พ.ร.บ.คอมพ์ ออกมาขู่ จนเรื่องนี้เงียบหายไปโดยไม่มีความคืบหน้า ไม่มีแม้แต่ความพยายามตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือติดตามแก้ไขปัญหาเรื่องการซื้อขายตำแหน่ง ทั้งที่เป็นเรื่องใหญ่ ตามเป้าหมายการปฏิรูปตำรวจ ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ของ คสช.ที่อาสาเข้ามาแก้ไข
สุดท้ายประเด็นเรื่องซื้อขายตำแหน่งวนกลับมาเป็นประเด็นใหม่อีกรอบในช่วงการแต่งตั้งโยกย้ายรอบใหม่ และส่อเค้าจะจบลงแบบไม่ได้รับการแก้ไขเหมือนเดิม
สะท้อนผ่านสัญญาณที่ ผบ.ตร.ออกมาการันตีด้วยตัวเองว่า ในพื้นที่ บช.น.ไม่มีการซื้อขายตำแหน่งแน่นอน ทั้งที่่ยังไม่ทันได้เข้าไปตรวจสอบในรายละเอียด
แม้ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. จะออกมาขอบคุณนักการเมืองที่ให้ข้อมูลการซื้อขายตำแหน่ง พร้อมระบุชัดว่า ที่ผ่านมาได้รับเรื่องร้องเรียนมาบ่อยครั้ง ครั้งนี้จะจับให้มั่นคั้นให้ตายเสียทีว่ามันใช่หรือไม่ใช่
สรุปสัญญาณจากนายกรัฐมนตรีได้ชัดเจน คือ หนึ่ง ปัญหาเรื่องนี้มีอยู่จริง สอง ปัญหาเรื่องนี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข ต่างจากท่าทีจากบิ๊กตำรวจที่รีบออกมาปฏิเสธตั้งแต่แรก ทำให้กระบวนการที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหายิ่งเป็นไปได้ยาก
หากจำได้ช่วงต้นปี พล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่ง เรื่องการปรับปรุงระบบการพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ เข้ามาแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ แต่สุดท้ายผลที่ออกมาชัดเจนว่าไม่อาจแก้ไขการซื้อขายตำแหน่ง
ทั้งหมดย่อมวนกลับมาสร้างปัญหาให้ คสช.อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ทั้งในฐานะผู้ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดและขันอาสาเข้ามาเดินหน้าจัดการปฏิรูป แต่ผ่านมาสามปี ประเด็นการซื้อขายตำแหน่งยังไม่อาจได้รับการสะสางหรือเห็นความคืบหน้าในทิศทางที่ดีขึ้น
แถมแรงกดดันอาจเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติเมื่อประเด็นนี้ถูกเชื่อมโยงไปถึงคนใกล้ชิดบิ๊ก คสช.
ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเข้ามามีอิทธิพลในการแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ อธิบายว่า ใช้งานให้ไปตรวจสอบข้อมูลในทางลับ ไม่ได้เกี่ยวข้องในการทำบัญชีโยกย้าย
แม้จะมีความสนิทสนมกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ แต่ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกัน โดยทั้งหมดขอให้รอกระบวนการตรวจสอบของจเรตำรวจฯ ที่เชื่อว่า มีประสิทธิภาพ เชื่อถือได้ และหากจะให้หน่วยงานภายนอกเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ก็ยินดี
ทั้งหมดล้วนแต่ตอกย้ำว่าการซื้อขายตำแหน่งมีผลสั่นสะเทือน คสช.อย่างรุนแรง