กกต.กาง 3 สูตร ลุ้น‘คุณสมบัติ’จัดเลือกตั้ง
กกต. จัดเสวนา เรื่อง “เดินหน้าเลือกตั้งกับ กกต.” “การเลือกตั้งโดยพลเมืองคุณภาพ” ตลอดทั้งทิศทางการทำงานร่วมกันของสำนักงาน กตต. และสื่อมวลชน ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560
โดย...ชัยรัตน์ พัชรไตรรัตน์
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้จัดงาน กกต.พบสื่อมวลชน พร้อมจัดเสวนา เรื่อง “เดินหน้าเลือกตั้งกับ กกต.” “การเลือกตั้งโดยพลเมืองคุณภาพ” ตลอดทั้งทิศทางการทำงานร่วมกันของสำนักงาน กตต. และสื่อมวลชน ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 ณ โรงแรมธารามันตรา อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
ดังนั้น เมื่อกฎหมายประกาศออกมาในราชกิจจานุเบกษาช่วงกลางเดือน มิ.ย. อีก 15 วัน ต้องตั้งกรรมการสรรหาและอีก 15 วัน จากนี้ กกต.ยื่นเอกสารให้กรรมการสรรหาพิจารณาคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งประมาณวันที่ 15 ก.ค. ประวิช รัตนเพียร กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วมจะไปคนที่หนึ่งโดยไม่จำเป็นต้องยื่นหลักฐาน เพราะเคยดำรงผู้ตรวจการแผ่นดินและพ้นการเมืองไม่ถึง 10 ปี ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนแล้ว
ส่วนตัวได้เตรียมหลักฐานการทำงานภาคประชาสังคมไว้ 21 ปี 9 เดือน หากกรรมการสรรหาไม่รับฟังก็จะพ้นจากตำแหน่งทันทีในวันรุ่งขึ้น จากนั้น กกต.จะเหลือ 3 คน และในเดือน ก.ค. 2561 บุญส่ง น้อยโสภณ กกต.รับผิดชอบด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย หมดวาระ เนื่องจากอายุครบ 70 ปี
ทั้งนี้ หากเดือน ก.พ. 2562 ศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. หมดวาระลงเช่นกัน ก็จะเหลือ ธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง เพียงคนเดียว หากมีอุบัติเหตุและมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นหลังเดือน ก.พ. 2562 การเลือกตั้งจะอยู่ในมือ กกต. ใหม่ทั้ง 7 คน
ส่วนภาพที่ 2 คือ ดีที่สุด หากวันที่ 9 มิ.ย. สนช.ยึดคุณสมบัติ กกต.ตามรัฐธรรมนูญเดิม โดยให้อยู่ต่อจนครบวาระก็ทำงานไป 3 ปีครึ่ง และภาพที่ 3 ที่เป็นไปได้ โดยส่วนตัวประเมินแต่อาจจะผิด เชื่อว่า สนช.น่าจะยึดหลักให้ กกต.ดำรงตำแหน่งจนครบวาระ เพราะถ้าใช้หลักการดังกล่าวจะเป็นต้นแบบกับองค์กรอิสระอื่น ความเสียหายที่เกิดกับขึ้น กกต.จะไม่เท่ากับองค์กรอื่น
“เพราะ กกต.จะเหลือ 3 คน แต่ ป.ป.ช.จาก 9 คน เหลือ 1 คน จะทำให้คดีขาดอายุความ สร้างความเสียหายกับประเทศ ส่วนศาลรัฐธรรมนูญจะหายไป 4-5 คน และจะมีผู้ครบวาระอีก ทำให้เหลือเพียง 1 คน ดังนั้นจะทำให้เกิดสภาวะเดดล็อกขององค์กรอิสระ ไม่ใช่ กกต.องค์กรเดียวเท่านั้น จึงเป็นไปได้ว่า สนช.จะออกมาในแนวทางให้อยู่ครบวาระ แต่ กกต.ไม่สนใจว่าจะอยู่สถานการณ์ไหน จะทำงานต่อเนื่องจนนาทีสุดท้ายเพื่อเตรียมการเลือกตั้งให้ดีที่สุด”
ขณะที่ บุญส่ง กล่าวว่า หากดูตามรัฐธรรมนูญใหม่ อำนาจ กกต.มีเพิ่มขึ้นมาหลายอย่าง นอกเหนือจากอำนาจในการสั่งเลือกตั้งใหม่ (ใบเหลือง) อำนาจในการถอนสิทธิการเลือกตั้ง (ใบแดง) กกต.ยังมีอำนาจใหม่ คือ ใบส้ม ซึ่งแบ่งเป็น 2 แบบ 1.หากพบว่าผู้สมัครหรือผู้รู้เห็นเป็นใจกับผู้สมัคร กระทำการทุจริตเลือกตั้ง กกต.สามารถเพิกถอนสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งได้ 1 ปี
และ 2.กรณีที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งในเขตนั้นๆ ได้คะแนนน้อยกว่าโหวตโน กกต.มีอำนาจสั่งเลือกตั้งใหม่ โดยที่ผู้สมัครรายเดิมไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้อีก นอกจากนี้ กกต.ยังมีอำนาจเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต (ใบดำ) กับผู้ที่ทุจริตอีกด้วย
สำหรับอำนาจ กกต.ในการสืบสวนสอบสวน กกต. หรือผู้รับมอบอำนาจจาก กกต.มีอำนาจเป็นเจ้าพนักงานปกครอง พนักงานสอบสวน ซึ่งเปรียบเสมือนตำรวจทุกอย่าง กกต.มีอำนาจสืบสวน มีอำนาจจัดตั้งงบประมาณในการหาข่าวให้รางวัลนำ จับแก่ผู้ชี้เบาะแส คุ้มครองพยานและกันบุคคลไว้เป็นพยาน และมีอำนาจส่งสำนวนการสืบสวนหรือไต่สวนไปยังพนักงานอัยการเพื่อฟ้องคดี โดยไม่ต้องผ่านพนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุ
จากนั้นเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนซักถามโดยเฉพาะทำอย่างไรให้การเลือกตั้งได้รัฐบาลมีธรรมาภิบาลตามคำถาม 4 ข้อ ของนายกรัฐมนตรี โดย สมชัย ระบุว่า ประชาชนเป็นผู้ตอบคำถามนี้ ส่วนตัวไม่อยากให้ตื่นเต้นกับคำถาม เพราะนายกฯ เพียงแค่ต้องการให้ประชาชนฉุกคิด ถ้าฉุกคิดแล้วในการเลือกตั้งท้ายที่สุดแล้วจะได้คนดี ได้พรรคดีมาบริหารบ้านเมือง
ส่วนร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกรรมการการเลือกตั้ง ส่วนตัวมีความกังวลเรื่องของการมีผู้ตรวจการเลือกตั้ง แทน กกต.จังหวัด เนื่องจากคุณสมบัติผู้ตรวจการเลือกตั้งจะเป็นข้าราชการประจำไม่ได้ และการมาต้องมีการรับสมัครในจังหวัด และสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ในทุกจังหวัด ทำให้ไม่อาจชินพื้นที่จนกลายเป็นปัญหา ทั้งนี้ หากเกิดปัญหาการทำหน้าที่ กกต.ส่วนกลางก็เตรียมสนับสนุนเต็มที่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา
นอกจากนี้ ข้อถกเถียงเรื่องของกรอบ 150 วัน ซึ่งยังคงเห็นต่างกับ กรธ.ที่จะนับรวมผลการเลือกตั้งหรือไม่นั้น ยังคงต้องรอกฤษฎีกา ก่อนว่าจะมีการตอบมาในลักษณะใด แต่ กกต.มองว่า การมีเวลาเยอะก็เป็นสิ่งที่ดีเพราะจะได้ทำงานสบาย แต่ก็ต้องดูเพื่อไม่ให้ผิดกฎหมาย เพราะอาจมีคนร้องว่า กกต.จัดเลือกตั้งขัดรัฐธรรมนูญ หากศาลชี้ว่าขัดก็เป็นไปได้ที่การเลือกตั้งจะโมฆะ งบการเลือกตั้งเสียเปล่า และ กกต.ต้องรับผิดชอบ