posttoday

ทรัมป์คุยบิ๊กตู่ บีบเลือกข้าง

04 พฤษภาคม 2560

เนื้อหอมไม่ใช่เล่น เมื่อ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับสายโทรศัพท์จากผู้นำประเทศมหาอำนาจหมายเลขหนึ่งของโลก

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

เนื้อหอมไม่ใช่เล่น เมื่อ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้รับสายโทรศัพท์จากผู้นำประเทศมหาอำนาจหมายเลขหนึ่งของโลก “โดนัลด์ จอห์น ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 45 ที่เพิ่งก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งได้ไม่นานนัก

สายตรงจากทรัมป์ถึง “บิ๊กตู่” เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อขอยกระดับและกระชับความสัมพันธ์ ไทย-สหรัฐ ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น โดย “ทรัมป์” ให้เกียรติรัฐบาลไทยอย่างมาก ถึงขนาดเตรียมบินมาพบ “บิ๊กตู่” ถึงที่ ในช่วงการประชุมอาเซียนซัมมิท และการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ณ ประเทศเวียดนาม เร็วๆ นี้  ประเด็นร้อนที่ “ทรัมป์” จะยกมาคุยกับ “บิ๊กตู่” คือ ขอหารือเรื่องภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ

ฝ่ายความมั่นคงประเมินกันว่าจากนี้ไปสหรัฐจะเข้ามามีบทบาทในภูมิภาคอาเซียนสูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง และความมั่นคง เริ่มต้นจากการขยับทางการทูตและทางการเมืองของ “ทรัมป์” ที่ส่งเทียบเชิญขอให้ “บิ๊กตู่” เดินทางไปเยือนและพูดคุยหารือกันถึงทำเนียบขาว ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. พร้อมๆ กับเต็มใจที่จะเดินทางมาเยือน “บิ๊กตู่” ถึงถิ่น ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

นี่คือ สถานการณ์รุกหนักทางการเมืองของ “ทรัมป์” คล้ายๆ จะบีบบังคับให้ไทยเลือกข้าง ระหว่าง สหรัฐ หรือเกาหลีเหนือ?

สถานการณ์เช่นนี้วิเคราะห์กันว่า ไม่เป็นผลดีมากนักกับฝ่ายไทย เพราะเกิดคำถามสำคัญ คือ ไทยพร้อมที่จะช่วยเหลือสหรัฐเต็มที่ทั้งมาตรการกดดัน หรือจนถึงนาทีสุดท้ายที่จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐกับเกาหลีเหนือ ไทยพร้อมอยู่เคียงข้างฝ่ายไหน ระหว่างสหรัฐ หรือจีน เพราะในบริบทการเมืองโลกทราบดีว่า จีนคือ พันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของเกาหลีเหนือ

แม้ว่าขณะนี้ จีนใช้นโยบายที่ดูเหมือนจะโอนอ่อนกับสหรัฐ แต่แข็งกร้าวกับเกาหลีเหนือ พยายามส่งสัญญาณและทำทุกวิถีทางกดดันเกาหลีเหนือไม่ให้แสดงพฤติกรรมยั่วยุจนเป็นชนวนเหตุเสี่ยงที่จะเกิดสงครามขึ้นมาได้ ขณะที่ท่าที “ทรัมป์” ประกาศแข็งกร้าวอย่างชัดเจนพร้อมแตกหัก 

นโยบายเชิงรุกลำดับถัดไปของ “ทรัมป์” คือส่งสัญญาณขอเดินทางเยือนทุกชาติในเอเชีย ล็อกเป้าที่ประเทศไทย เป็นชาติแรก!

อย่าลืมว่าในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา สหรัฐเมินเฉยต่อภูมิภาคนี้ ทำให้จีนมีบทบาทเพิ่มมากขึ้น ทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง อีกทั้งภูมิภาคนี้เริ่มมีบทบาทสูงมากขึ้นในเวทีการค้าโลก เพราะมีการรวมกลุ่มเป็นประชาคมอาเซียน ซึ่งจะกลายเป็นกลุ่มประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก

เป็นที่ทราบกันดีว่ารัฐบาล “บิ๊กตู่” แม้จะได้อำนาจมาโดยการปฏิวัติรัฐประหาร แต่มีความสัมพันธอันดีกับรัฐบาลจีนสูงมากกว่ารัฐบาลชุดใดในอดีต ยิ่งล่าสุดมีการเชื่อมโยงกันว่า ทันทีที่รัฐบาลไทยประกาศจัดซื้อเรือดำน้ำ Yuan Class S26T จากประเทศจีน 3 ลำ อีกไม่กี่วันถัดมา เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา “เกล็น ที เดวีส์” เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ดอดเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ โดยไม่แจ้งกำหนดการล่วงหน้า ใช้เวลาหารือลับประมาณ 1 ชั่วโมง จน 3 วันถัดมาเป็นข่าว “ทรัมป์” ยกหูคุย “บิ๊กตู่” เมื่อค่ำคืนวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา 

พล.ร.ท.จุมพล ลุมพิกานนท์ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ (กพร.ทร.) ให้ความเห็นว่า นโยบายด้านความมั่นคงไทยยึดแนวทางสายกลางมาโดยตลอดไม่เลือกข้างใดข้างหนึ่ง โดยเฉพาะการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ เราใช้นโยบายผสมผสาน อาทิ กองทัพอากาศจัดซื้อเครื่องบินรบโดยใช้เครื่องบินกริพเพน จากสวีเดน พร้อมกับสั่งซื้อเครื่องบินลำเลียงจากสหรัฐด้วย รวมถึงจัดซื้ออาวุธจากรัสเซีย ยูเครน หรือยุโรปด้วย ส่วนเรือดำน้ำ จัดซื้อจากจีน เป็นต้น

“ไทยเป็นประเทศเล็กๆ ต้องวางตัวให้เหมาะสม และต้องมีความสัมพันธ์ในหลายๆ มิติ โดยเฉพาะปัญหาคาบสมุทรเกาหลีเหนือ ไทยต้องอยู่ตรงกลางเพราะเราเป็นประเทศเล็กๆ ดังนั้นจึงไม่อยากให้มองว่าไทยจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีนเพื่อคานอำนาจสหรัฐ” พล.ร.ท.จุมพล กล่าว

แน่นอนว่า การบุกเข้ามาสานสัมพันธ์ของ “ทรัมป์” กับไทยในครั้งนี้ มีท่าทีต่างจาก รัฐบาลเก่า “โอบามา” ที่มีท่าทีกดดัน คสช. อย่างหนักให้คืนสู่ประชาธิปไตยโดยเร็ว จนทำให้ไทยไปตีสนิทกับจีนแทน เพราะจีนเป็นประเทศแรกๆ ที่มีท่าทียอมรับการยึดอำนาจของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์

ขณะที่นับวันความสัมพันธ์ไทย-จีนในยุค คสช.ใกล้ชิดสนิทสนมกันมากยิ่งขึ้น ชนิดที่เรียกว่า “ดูดดื่ม” ขณะที่ความสัมพันธ์ไทยกับสหรัฐค่อนข้าง “ร้าวฉาน” ดังนั้น “ทรัมป์” ขอพบ “บิ๊กตู่” ในครั้งนี้ ต้องการฟื้นสัมพันธ์ทุกด้านกับไทย เพื่อแข่งสู้กับจีน    

นี่เป็นการเปลี่ยนโฉมหน้านโยบายต่างประเทศครั้งสำคัญของไทยต่อ 2 ประเทศมหาอำนาจโลก ระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งในตอนนี้ต้องถือว่าไทย มีทั้งได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ก็ว่าได้

แน่นอนว่าหากวางหมากหรือเกมการเมืองระหว่างประเทศไม่ดีพอ อาจเพลี่ยงพล้ำเสียท่า และถูกหลอกใช้จากประเทศมหาอำนาจได้ เพราะเป็นเกมต่อสู้ระหว่างจีน ยักษ์ใหญ่แห่งเอเชีย กับสหรัฐ พี่เบิ้มแห่งชาติตะวันตก โดยมีไทยเป็นเพียงชาติเล็กๆ ที่อยู่ตรงกลางระหว่างช้างสารชนกันหญ้าแพรกก็แหลกลาญ !