ปราบทุจริตเลือกตั้ง ต้องให้คสช.มาช่วยคุม
คณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สปท.เรื่อง “ข้อเสนอประเด็นสำคัญเพื่อการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.”
โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
คณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ เรื่อง “ข้อเสนอประเด็นสำคัญเพื่อการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.” โดยมีทั้งหมด 11 ส่วน ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้
ส่วนที่ 1 บททั่วไป
ต้องกำหนดให้มีกฎหมายเพื่อคุ้มครองพยานบุคคลในคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งเป็นกรณีพิเศษ นอกจากนี้ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือดำเนินการให้กระทรวงมหาดไทยจัดการเลือกตั้ง สส. การเลือก สว. การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น และการออกเสียงประชามติ
ส่วนที่ 2 เขตเลือกตั้ง หน่วยเลือกตั้ง และที่เลือกตั้ง
หลักเกณฑ์เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.และการได้มาซึ่ง สว. พ.ศ. 2550 ที่ไม่ขัดหรือแย้งกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับผ่านประชามติ
ส่วนที่ 3 เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง
ให้นิสิตนักศึกษาทุกสถาบันมีส่วนร่วมในการเป็นกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งในการเลือกตั้งทุกครั้ง และกำหนดให้มีบทลงโทษข้าราชการ พนักงานและเจ้าหน้าที่รัฐที่วางตัวไม่เป็นกลางทางการเมือง โดยถือว่าเป็นความผิดทางวินัยร้ายแรง
ส่วนที่ 4 ผู้มีสิทธิเลือกตั้งและบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
กำหนดโทษด้วยการตัดสิทธิบางประเภทสำหรับประชาชนผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งโดยไม่มีเหตุอันสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นข้าราชการ หากไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งต้องรับโทษทางวินัยด้วย
ส่วนที่ 5 ผู้สมัครและการสมัครรับเลือกตั้ง
ผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งในทุกระดับต้องแสดงความจำนงต่อ กกต.เพื่อแสดงตนและแนะนำตนต่อสาธารณะ ก่อนประกาศพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 1 ปี เพื่อประกาศให้ประชาชนได้ติดตามตรวจสอบ
ส่วนที่ 6 ค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งและวิธีการหาเสียงเลือกตั้ง
ลดภาระค่าใช้จ่ายของพรรคการเมืองและของผู้สมัครรับเลือกตั้งในการหาเสียง โดยให้รัฐสนับสนุนหรือช่วยเหลือการหาเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้ง และกำหนดให้มีมาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังในการห้ามผู้สมัครรับเลือกตั้ง และ สส.บริจาคช่วยงานตามประเพณีต่างๆ แต่ไม่ห้ามบุคคลดังกล่าวไปร่วมงานพิธีต่างๆ
ส่วนที่ 7 การลงคะแนนเลือกตั้ง
ขยายเวลาการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเป็น 08.00-18.00 น. เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งให้มากขึ้น กำหนดให้มีการพัฒนาและมีการปรับใช้เครื่องลงคะแนนเลือกตั้งโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์
ส่วนที่ 8 การนับคะแนนและการประกาศผลการเลือกตั้ง และส่วนที่ 9 การลงคะแนนเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้ง หลักเกณฑ์เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.และการได้มาซึ่ง สว. พ.ศ. 2550 ที่ไม่ขัดหรือแย้งกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับผ่านประชามติ
ส่วนที่ 10 การดำเนินการกรณีการเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
ยกเลิก กกต.ประจำจังหวัด โดยให้ กกต.มีอำนาจสั่งการให้ฝ่ายทหาร ฝ่ายตำรวจ และฝ่ายปกครอง รวมถึงข้าราชการอื่นช่วยเหลือ กกต.
กรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัครผู้ใดกระทำความผิด ถ้า กกต.เห็นว่าการกระทำนั้นน่าจะมีผลให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ให้ กกต.วินิจฉัยแล้วยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตลอดชีวิต
ขณะที่ในกรณีที่หัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคการเมืองรู้ถึงเหตุแห่งการที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคการเมือง หรือผู้ช่วยหาเสียงของพรรคไปทำความผิดแล้วเพิกเฉย ถือว่าหัวหน้าและกรรมการบริหารรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดดังกล่าว ถือเป็นความผิดมีโทษต้องถูกตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต
กรณีที่ประชาชนมีหลักฐานการทุจริตการเลือกตั้ง แล้วแจ้งให้ กกต.ทราบ และหากภายหลังปรากฏว่ามีการกระทำความผิดจริงและคดีถึงที่สุดแล้ว ให้ผู้ที่แจ้งให้ กกต.ได้รับเงินรางวัลไม่น้อยกว่า 1 แสนบาท
ส่วนที่ 11 การคัดค้านการเลือกตั้ง
การวินิจฉัยว่าจะให้มีการเลือกตั้งใหม่หรือไม่นั้น ให้พิจารณาถึงความแตกต่างของผลคะแนนของผู้แพ้และผู้ชนะ และผลแห่งการกระทำความผิด กล่าวคือ หากคะแนนของผู้แพ้และผู้ชนะแตกต่างกันมาก และแม้ว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ก็ไม่ทำให้ผลการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลง จึงไม่ควรให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่ให้ไปดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทั้งในทางอาญาหรือทางแพ่งแยกออกไป
บทกำหนดโทษ
กำหนดบทลงโทษทางการเมืองโดยการตัดสิทธิไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต และลงโทษทางอาญาที่รุนแรง ให้มีโทษจำคุก 1-10 ปี โดยไม่ให้มีการรอการลงโทษ ให้มีโทษปรับถึง 20 ล้านบาท มีอายุความ 20 ปี รวมไปถึงกำหนดบทลงโทษผู้กลั่นแกล้งผู้สมัครรับเลือกตั้งและผู้ใช้สิทธิในการเลือกตั้ง ให้มีโทษจำคุก 5-10 โดยไม่มีการรอการลงโทษ และมีโทษปรับจำนวน 20
ล้านบาท
บทเฉพาะกาล
จากการดำเนินการรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 มีเหตุผลประการหนึ่ง คือ การแก้ไขปัญหาการทุจริตการเลือกตั้ง ดังนั้น ในการเลือกตั้ง สส.ครั้งต่อไป (ปี 2560) เพื่อป้องกันข้อครหาว่าเป็นการปฏิวัติที่ล้มเหลว คสช.จะต้องมีบทบาท ดังนี้
1.ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ กกต.ในการควบคุมและดำเนินการ จัดการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม 2.ก่อนมีการจัดการเลือกตั้ง สส.ต่อไป ต้องมีการทดลองหรือซักซ้อมการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้า 6 เดือน โดยใช้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ครบวาระแต่ยังไม่มีการเลือกตัั้งเป็นพื้นที่ในการทดลองตามภูมิภาคต่างๆ เพื่อที่ศึกษาข้อดี ข้อบกพร่อง และบทเรียน ที่เกิดขึ้นจากการเลือกตั้งดังกล่าว เพื่อนำข้อสรุปมาจัดทำแนวทางอันจะนำไปสู่การเลือกตั้งเป็นที่สุจริตและเที่ยงธรรม


