สมรภูมิสุดท้ายที่ศาลรธน. สนช.ฮึดขอสู้ที่มานายกฯ
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ปรับปรุงที่มีคำถามพ่วงจะถึงมือศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 31 ส.ค. และต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 30 วัน
โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ปรับปรุงที่มีคำถามพ่วง จะถึงมือศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 31 ส.ค. และต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 30 วัน
สถานการณ์เกี่ยวกับการกำหนดที่มานายกรัฐมนตรีในระยะเปลี่ยนผ่าน 5 ปีแรก ต้องถือว่า คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ถือไพ่เหนือกว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หลังจากคณะ กรธ.ตัดสินใจไม่ให้ สว.มีสิทธิเสนอชื่อนายกฯ ในทุกขั้นตอน โดย สว.จะมีหน้าที่แค่การประชุมรัฐสภาเพื่อยกมือว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับรายชื่อนายกฯ ที่ สส.เสนอให้เท่านั้น
“เมื่อเป็นการตั้งคำถามเพื่อให้ประชาชนออกเสียงประชามติ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจึงเห็นว่าต้องยึดตามถ้อยคำที่ถามต่อประชาชนโดยเคร่งครัด เพราะตามหลักทั่วไปแห่งการออกเสียงประชามติผู้ออกเสียงประชามติย่อมออกเสียงประชามติตามพื้นฐานแห่งถ้อยคำที่ปรากฏในบัตรลงคะแนน” เหตุผลของ กรธ.
มติของ กรธ.สร้างความหัวเสียให้กับ สนช.อยู่ไม่น้อย เพราะสมาชิก สนช.บางกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากบิ๊กคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) บางคน ตั้งความหวังและแสดงท่าทีกดดัน กรธ.อยู่พอสมควรว่าต้องการให้กรธ.เปิดทางให้ สว.มีสิทธิเสนอชื่อนายกฯ ได้ไม่ว่าทางหนึ่งทางใด
ในเมื่อ กรธ.ไม่สนองความต้องการที่ สนช.เสนอ ทำให้ สนช.ต้องเดินหน้าไปสู้กับ กรธ.ในสนามสุดท้ายที่ศาลรัฐธรรมนูญ
แม้ร่างรัฐธรรมนูญจะยังไม่ถึงศาลรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการ แต่ สนช.เริ่มมีความเคลื่อนไหวออกมาให้เห็นบ้างแล้ว ดังจะเห็นได้จากท่าทีของ “พรเพชร วิชิตชลชัย” ประธาน สนช.
“ขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญจะเรียกไปชี้แจงเรื่องเจตนารมณ์คำถามพ่วงประชามติ หรือไม่ แต่ข้อมูลที่ สนช.ต้องเตรียมไว้ คือ รายงานการประชุมที่ สนช.พิจารณาเรื่องคำถามพ่วงประชามติ และการอภิปรายของสมาชิก สนช.การลงพื้นที่ของ สนช.ไปชี้แจงคำถามพ่วงประชามติให้ประชาชนรับทราบ ข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลพื้นฐานที่ต้องเตรียมไว้ ไม่มีนัยเป็นพิเศษ หากศาลรัฐธรรมนูญเรียกมา สนช.ก็พร้อมชี้แจง”ประธาน สนช.กล่าวเมื่อ 29 ส.ค.
จากการให้สัมภาษณ์ของประธาน สนช.เป็นการแสดงให้เห็นว่า สนช.มีความพร้อมพอสมควรกับไปดวลกับ กรธ.ที่ศาลรัฐธรรมนูญ
ขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญพิจารณาศึกษา เสนอแนะ และรวบรวมความเห็นเพื่อการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ สนช.ก็เตรียมทำประเด็นจะชี้แจงเพื่อชี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญของ กรธ.ไม่สอดคล้องกับคำถามพ่วงที่ผ่านประชามติ
กล่าวคือ ขั้นตอนการเลือกนายกรัฐมนตรีที่ กรธ.กำหนดไว้มีด้วยกัน 3 ขั้นตอน ได้แก่ 1.สส.เสนอชื่อจากบุคคลในบัญชีพรรคการเมือง 2.สส.รับรองญัตติการเสนอชื่อ 3.ให้รัฐสภาลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ
ในมุมของ สนช.มองว่าหากให้ สว.ทำหน้าที่แค่ลงมติเห็นชอบในขั้นตอนที่ 3 และไม่ให้ สว.มีสิทธิเสนอชื่อได้ในขั้นตอนที่ 1 ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรอบแรกหรือรอบสองจากคนนอกบัญชีพรรคการเมือง ย่อมจะไม่สอดคล้องกับคำถามพ่วง
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคำถามพ่วงมีถ้อยคำที่ระบุว่า “ให้ที่ประชุมร่วมกันของรัฐเป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ” จากถ้อยคำดังกล่าวมีความมุ่งหมายที่ต้องการให้ สว.ทำหน้าที่ 2 ประการ ได้แก่ การพิจารณา และการให้ความเห็นชอบ เหมือนกับมาตรา 159 ที่บัญญัติให้ สส.เสนอชื่อและลงมติเลือกนายกฯ
สนช.จึงเห็นว่าอย่างน้อยที่สุดควรให้ สว.ได้ร่วมลงมติรับรองญัตติการเสนอชื่อนายกฯ ของ สส.ในขั้นตอนที่ 2 เพื่อให้การเลือกนายกรัฐมนตรีมาจากที่ประชุมรัฐสภาและให้สอดคล้องกับคำถามพ่วง
อย่างไรก็ตาม ข้อต่อสู้ในเรื่องนี้ของ สนช.อาจมีน้ำหนักไม่มากนัก เพราะ สว.มีส่วนร่วมกับ สส.ในการลงมติเลือกนายกฯ ในที่ประชุมรัฐสภาตามขั้นตอนสุดท้ายอยู่แล้ว ซึ่งเป็นการทำให้เห็นว่าการแก้ไขของ กรธ.สอดคล้องกับคำถามพ่วง แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่ที่การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ดังนั้น คำวินิจัยของศาลรัฐธรรมนูญที่จะมีขึ้นภายใน 30 วันนี้มีความสำคัญต่อ กรธ.และสนช.อย่างมาก
ถ้าศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า การแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญของ กรธ.ไม่สอดคล้องกับผลการออกเสียงประชามติ และมีความเห็นให้แก้ กรธ.แก้ไขในบางประเด็นโดยเฉพาะการเสนอชื่อนายกฯ ในที่ประชุมรัฐสภา เท่ากับว่า กรธ.ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องแก้ไขถ้อยคำตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แม้ในส่วนลึกทางความคิด กรธ.อาจจะไม่เห็นด้วยก็ตาม
ในทางกลับกัน ถ้าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเห็นด้วยกับการแก้ไขของ กรธ. แน่นอนว่า สนช.หรือบิ๊ก คสช.บางคนต้องยุติการเคลื่อนไหวที่พยายามให้ สว.มีอำนาจเสนอชื่อนายกฯ ไปโดยปริยาย เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินเป็นที่สุดแล้ว
สนามสุดท้ายที่ศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ จึงไม่ต่างอะไรกับการเดิมพันทางการเมืองที่ สนช. กรธ. หรือแม้แต่ คสช.ก็ลุ้นด้วยใจระทึก


