เสียงจาก...นักการเมือง บิ๊กตู่ตั้งพรรคไม่ง่าย
กระแสเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาตั้งพรรคการเมืองและลงสมัครรับเลือกตั้งตามระบบ
โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
กระแสเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกมาตั้งพรรคการเมืองและลงสมัครรับเลือกตั้งตามระบบ แทนที่จะรอใช้ช่องทางพิเศษผ่านกลไกสำคัญอย่าง สว. 250 คน ที่จะมีส่วนเลือกนายกฯ ที่จะทำให้เข้าสู่ตำแหน่งอย่างสง่างามกว่า ซึ่งแต่ละพรรคการเมืองมีความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้อย่างหลากหลาย
นพดล ปัทมะ แกนนำพรรคเพื่อไทย มองว่า นักการเมืองไม่สามารถไปเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งพรรคการเมืองได้ ส่วนจะตั้งหรือไม่เป็นสิทธิส่วนตัวของท่าน อีกทั้งเวลานี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะรับตำแหน่งนายกฯ หลังการเลือกตั้งหรือไม่ ส่วนตั้งแล้วจะประสบความสำเร็จหรือไม่มีใครบอกได้เพราะมีตัวแปรอีกเยอะ
ทั้งนี้ ดูจากความนิยมของ พล.อ. ประยุทธ์ ที่มีสูง หลังจากประชาชนส่วนมากโหวตรับร่างรัฐธรรมนูญ แต่ความนิยมก็ลดลงได้ หรือถ้าคะแนนนิยมไม่ดีแต่ทำความดีก็เพิ่มสูงได้ไม่อยากพูดตัดสินใครล่วงหน้า แต่พูดเชิงหลักการ ซึ่งการตั้งพรรคการเมืองนำเสนอตัวทางเลือกประชาชน ย่อมทำให้ประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น ซึ่งนักการเมืองก็ไม่ควรไปท้าทายและตอนนี้ยังเร็วเกินไป
“การตั้งพรรคมีการประกาศนโยบายให้ชัดเจนก็เป็นทางที่ดีเพราะประชาชนจะได้รู้นโยบายก่อนตัดสินใจเหมือนได้ดู เมนูรายการอาหารก่อนจะสั่งว่าจะทานอาหารอะไร ซึ่งเป็นข้อดีตามวิถีทางประชาธิปไตย”
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่หัวหน้าพรรคมีคะแนนนิยมสูงก็มีแนวโน้มที่พรรคนั้นจะได้รับเลือกตั้งมาก แต่ไม่เสมอไป ยังมีปัจจัย และตัวแปร ทั้งเรื่องผู้สมัคร สส. เขตบัญชีรายชื่อ คุณสมบัติ ทีมเศรษฐกิจ ทีมสังคม ทีมการเมือง ส่วนหากจะไม่ตั้งพรรคแต่ไปหวังพรรคอื่นอย่างที่ ไพบูลย์ นิติตะวัน เตรียมตั้งแล้วประกาศว่าจะเลือก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ก็ไม่ชัดเจนสำหรับประชาชนที่จะไปหย่อนบัตร
นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แม้คะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ จะดี แต่พรรคการเมืองมีองค์ประกอบมากกว่านั้น ทั้งคนที่จะมาประกอบเป็นพรรคด้วย ทั้งหมดต้องดูว่าจะตัดสินใจอย่างไร ถ้าตั้งคิดพรรคก็มีสองลักษณะ คือพรรคเฉพาะกาลอย่างบางพรรคเคยประสบความสำเร็จเช่นความหวังใหม่ แต่อยู่ได้สมัยเดียวก็หายไป หรือจะเป็นพรรคสถาบันอยู่ยาวที่ยากต้องมีองค์ประกอบเยอะ
ทั้งนี้ หากจะเข้ามาเป็นนายกฯ แบบใช้เสียง สว.รวมกับ สส.สนับสนุนนั้น นอกจากเรื่องความสง่างามแล้วยังมีเรื่องการต่อรองที่จะตามมาเพราะมาคนเดียว ซ้ายก็พรรคการเมืองขวาก็พรรคการเมือง ใครจะช่วยคิดนโยบายทั้งการศึกษา สาธารณสุข การเกษตร การค้า ระหว่างประเทศ อีกทั้งหากขัดใจพรรคร่วมรัฐบาลก็ล้มได้ตลอด 24 ชม. เพราะ สว.ไม่ได้ร่วมโหวตทั้งอภิปรายไม่ไว้วางใจ งบประมาณ หรือกฎหมายสำคัญ
“ส่วนที่คิดจะไปตั้งพรรคแล้วดึงคนเด่นๆ ดังๆ เหมือนตกปลาในบ่อคนอื่น เป็นแนวคิดแบบเก่าที่เขาใช้มา 30-40 ปี ไม่ใช่การเมืองแนวใหม่ หรือจะไปเซตซีโร่หวังให้พรรคอื่นๆ เพื่อไทย ชาติไทย ประชาธิปัตย์ แตก แล้วไปรวมกันก็เป็นเรื่องล้าหลัง เชื่อว่าจะไม่ทำเพราะทำมาตั้งแต่สมัย จอมพลถนอม กิตติขจร แต่คงเป็นเรื่องยากในปี 2559”
นิพิฏฐ์ อธิบายเพิ่มว่า ระบบเลือกตั้งใหม่กาบัตรเดียวเฉพาะ สส. เขต แต่คำนวณทั้ง สส.เขตและบัญชีรายชื่อไม่รู้จะเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จะเลือกเบอร์ไหนไม่เหมือน สมัยพรรคของ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ไม่มี สส.เขต แต่มีบัญชีรายชื่อ 5 คน เพราะตอนนั้นเลือกสองบัตร สมัยนี้คนจะไปเลือกพรรคของไพบูลย์ ก็ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ และพรรคของไพบูลย์ก็ต้องได้ 25 เสียง ถึงมีสิทธิเสนอชื่อนายกฯ เผลอๆ อาจตกตั้งแต่รอบแรก
สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทย กล่าวว่า การตั้งพรรคไม่มีความจำเป็นเพียงแต่มาให้ถูกกติกาเพราะวันนี้ใครจะชอบ หรือไม่ชอบรัฐธรรมนูญอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ประชามติผ่านมาแล้ว นายกฯ ถ้าจะมาสง่างามจริงๆ ไม่จำเป็นต้องตั้งพรรค แค่ยอมให้พรรคการเมืองเสนอชื่อ ซึ่งถือเป็นการเลือกตั้งทางอ้อมเหมือนกัน เพราะพรรคการเมืองต้องเสนอต่อสาธารณะว่า เสนอชื่อใครเป็นนายกฯ เห็นชัดเจน ถ้าประชาชนไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ก็ไม่ต้องเลือกพรรคนี้
“บนกติกาแบบนี้ผมรับได้ ดีกว่าที่คุณวันชัย เสนอครั้งแรกว่าเลือกรอบแรกไม่ผ่าน ก็จะไปมีการบล็อก ต่อมาให้ สว.เสนอ คนนอกที่ประชาชนไม่เห็นหน้าเห็นตามาก่อน แต่อย่างนี้เหมือนประชาชนเลือกตั้งทางอ้อมแม้เขาจะไม่ได้เป็น สส.ไม่ได้สังกัดพรรคการเมือง แต่ก็รู้พรรคการเมือง ก. จะเอาคุณประยุทธ์มาเป็นนายกฯ ถ้าคุณพอใจคุณก็กาบัตรเลือกพรรคนี้มาเยอะๆ ไม่พอใจก็ไม่เลือก ไม่มีโอกาสเสียงข้างมาสู้ได้ก็ว่ากันไป”
สมศักดิ์ กล่าวว่า ในกรณีที่ พล.อ. ประยุทธ์ ถูกเลือกจาก สส. สว. มาเป็นนายกฯ แบบมาคนเดียวไม่มีมือไม้นั้น ก็มีจุดดีไม่ดี ต้องทำให้เขาระมัดระวัง การทำนโยบาย การบริหารต้องโดนใจประชาชน อิงประชาชน เพราะอิงเสียงในสภาไม่ได้ นี่คือจุดดีคือต้องฟังเสียงประชาชนไม่ต้องอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมือง แต่ข้อเสียคือ ถ้าหากฝ่ายการเมืองรวมหัวกันก็คว่ำนายกฯ ได้ตลอด
ศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า แม้ในรัฐธรรมนูญจะเปิดทางให้มีนายกฯ คนนอก ต้องถามว่านายกฯ มีคุณสมบัติหรือไม่ส่วนตัวมองว่าเป็นแคนดิเดตอันดับต้นๆ แต่ถ้าจะเข้ามาการเมืองด้วยการตั้งพรรคถือว่าสง่างาม ในการเข้ามาสู่ช่องทางตามปกติในระบอบประชาธิปไตย แต่อาจมีความเหนื่อยกว่า
“ทั้งหมดอยู่ที่ใจนายกฯ มีความต้องการอย่างไร ผมเชื่อว่านายกฯ มีความคิดในใจ ดังนั้นสังคมไม่ควรต้องไปเร่งรีบบีบคั้นนายกฯ เพราะตามโรดแมปยังมีเวลาเป็นปี ปล่อยให้ท่านได้ทำงานบริหารประเทศต่อไป” ศุภชัย กล่าว


