posttoday

โค้งสุดท้ายประชามติ แนวร่วมโหวตโนมาแรง

26 กรกฎาคม 2559

ช่วงโค้งสุดท้ายของการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ บรรยากาศทางการเมืองเป็นไปด้วยความเข้มข้น

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

ช่วงโค้งสุดท้ายของการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ บรรยากาศทางการเมืองเป็นไปด้วยความเข้มข้น บรรดาฝ่ายสนับสนุนและคัดค้าน ต่างทยอยออกมาประกาศแสดงจุดยืนและเคลื่อนไหวกันอย่างคึกคัก โดยไม่เกรงกลัวกฎเหล็กของ พ.ร.บ.ประชามติ และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่อย่างใด

ทั้งนี้ โดยเฉพาะฝ่ายเคลื่อนไหวไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ที่ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 ก.ค. กลุ่มเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.) และเครือข่ายองค์กรนิสิตนักศึกษาและประชาชนรวม 43 องค์กร ได้แถลงการณ์จะ “โหวตโน” ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วง ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยเหตุผลสำคัญ 4 ประการ คือ 1.กระบวนการขาดความชอบธรรม 2.เนื้อหาทำประเทศถอยหลัง 3.
ไม่ควรฝากอนาคตไว้กับ คสช. และ 4.หากรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ แล้วแก้แทบไม่ได้

การเคลื่อนไหวของกลุ่มดังกล่าวนั้น ถือว่ามีความทรงพลังที่มองข้ามไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่เป็นกลุ่มของนักวิชาการเอ็นจีโอ และกลุ่มนักศึกษา อาทิ กลุ่มนิติราษฎร์ เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ กลุ่มสมัชชาคนจน เครือข่ายสลัม 4 ภาค เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของเหมืองแร่ประเทศ เครือข่ายกลุ่มเกษตรกรภาคเหนือ

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มกะเหรี่ยงภาคเหนือ กลุ่ม FTA Watch และเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก เครือข่ายพลเมืองเน็ต เครือข่ายการศึกษาทางเลือก สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต.) กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากมาตรา 44 และคำสั่ง คสช. เครือข่ายประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ปกป้องสิทธิ ชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อสันติภาพ ภาคีเครือข่ายด้านการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมชายแดนใต้ 

เป็นที่น่าสังเกตได้ว่า ทั้งเครือข่าย หรือ ภาคี ที่เข้าร่วมในครั้งนี้ มีทั้งกลุ่มหรือองค์กรที่เคยสนับสนุน คสช. กับกลุ่มหรือองค์กรที่เปิดตัวต้านการปฏิวัติรัฐประหาร คสช.มาโดยตลอด หรือกล่าวง่ายๆ คือ เป็นการรวมตัวกันของทั้งคนรักและคนชัง คสช. มาอยู่ด้วยกัน ผนึกกันเป็นเนื้อเดียวกันเพื่อโหวตโน

ประเด็นท่าทีการเคลื่อนไหวของกลุ่ม 43 องค์กร ครั้งนี้นับได้ว่าเป็นการขยายวงครั้งใหญ่ ในการต้านร่างรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน จากเดิมมีแต่พรรคเพื่อไทย และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งถูกโจมตีว่าค้านเพราะปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง

อย่างไรก็ตามพรรคเพื่อไทยที่ประกาศคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ตั้งแต่ยังไม่ทันร่างเสร็จด้วยซ้ำไป เมื่อเห็นกลุ่มนักวิชาการ นักศึกษาและเอ็นจีโอ มาเคลื่อนในแนวทางเดียวกัน ก็ลดแรงเคลื่อนไหว แม้วันเกิด “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 26 ก.ค. ซึ่งเดิมจะจัดกันที่เกาะฮ่องกง ต้องยกเลิกไปจัดที่อังกฤษแทน เพราะเกรงจะถูกโยงว่ามาบงการล้มร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งหมดก็เพื่อปล่อยให้กลุ่มดังกล่าวได้นำการขับเคลื่อนไหวคัดค้านแทน

ในขณะที่ท่าทีพรรคประชาธิปัตย์นั้น มีอดีต สส.หลายคนแสดงความเห็นไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ แต่ทุกคนยังจับจ้อง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เตรียมประกาศจุดยืนในวันที่ 27 ก.ค.นี้ ซึ่งหลายคนมองว่า “อภิสิทธิ์” คงจะประกาศไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้

ทั้งหมดนี้ ยิ่งทำให้กระแสไม่รับร่างรัฐธรรมนูญพุ่งสูงขึ้น เรื่องนี้ คสช.ต้องตั้งรับให้ดี ถ้าขืนใช้กฎหมายเข้าจัดการ มีหวังกระแสต้านอาจลุกลามบานปลายได้ และที่สำคัญต้องเปิดกว้างให้มีการแสดงความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญให้มากกว่าที่เป็นอยู่ ไม่เช่นนั้นแรงกดดันจะพุ่งเข้าหา คสช.ซึ่งยากจะแก้ไข

ฉะนั้น สถานการณ์การเมืองจากนี้ จะหนักหน่วงและเข้มข้น จะไม่มีฝ่ายใด แทงกั๊ก หรือ สงวนท่าที โหวต คว่ำ หรือ โหวตรับ อีกต่อไปแล้ว ทุกฝ่ายจะทุ่มสรรพกำลังมีเท่าไรใส่กันไม่ยั้ง  ทั้งกลุ่มการเมือง สองฝ่าย หรือ สองสีเสื้อ ต่างจะออกมาเคลื่อนไหวกันเข้มข้น  “จตุพร พรหมพันธุ์” ประธาน นปช. ย่อมจะออกมาสับเละรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทุกรายมาตรา ฝ่าย “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ย่อมจะออกตัวมาเชียร์รัฐธรรมนูญฉบับนี้กันแบบสุดๆ ใครแพ้ หรือ ชนะ รอวัดดวงกันในวันลงประชามติ

อย่างไรก็ตาม 7 ส.ค.นี้ คือ วันแห่งการตัดสินทางการเมืองครั้งสำคัญของประเทศไทย เป็นการใช้สิทธิทางการเมืองและสิทธิพลเมืองของประชาชนโดยตรงตามระบอบประชาธิปไตย แต่ไม่ว่าผลประชามติจะออกมาอย่างไร ทุกฝ่ายทั้งโหวตคว่ำ หรือ โหวตรับ ต่างเห็นตรงกัน คือ ผลของการลงประชามติทุกฝ่ายต้องยอมรับ และไม่ควรนำมาเป็นชนวนก่อความขัดแย้งรุนแรงรอบใหม่

ข่าวล่าสุด

สปสช.แจงปรับแนวทาง 'หน่วยนวัตกรรม' เป็นโควต้ารายสัปดาห์ ด้วยข้อจำกัดงบประมาณ