posttoday

ถอนฟ้องคดีสลายพธม. เขย่าเครดิตปปช.ใต้เงา "ประวิตร"

03 พฤษภาคม 2559

นับเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างยิ่งกับการพยายามไปแตะคดีสำคัญคดีนี้ที่กำลังอยู่ในการพิจารณาของศาลฎีกาฯ

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

แม้จะเป็นประเด็นที่ไม่ได้ใหญ่โตตามพื้นที่ข่าวสาร เมื่อเทียบกับการความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ แต่ก็เป็นประเด็นที่ท้าทายต่อกระบวนการยุติธรรมอยู่ไม่น้อย ภายหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งคณะทำงานพิจารณาถอนฟ้องคดีการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 ซึ่งเป็นคดีที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. บอกถึงเหตุผลที่ต้องตั้งคณะทำงานพิจารณาเรื่องนี้ว่า ได้รับหนังสือขอความเป็นธรรมมาจากจำเลยในคดีนี้ โดยที่ประชุมมีมติ 6 ต่อ 1 เห็นว่า ป.ป.ช.สามารถดำเนินการได้ จึงได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา

“ได้ขอให้คณะทำงานพิจารณาข้อกฎหมายอย่างรอบคอบ และถ้าผลออกมาอย่างไรก็พร้อมรับผิดชอบ ถ้าสิ่งไหนไม่เป็นไปตามข้อกฎหมาย ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม ก็จะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ผมทำ เพราะถ้าสิ่งไหนไม่เป็นไปตามบทบัญญัติข้อกฎหมายก็ไม่มีใครทำหรอกครับ เพราะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เราทำ” พล.ต.อ.วัชรพล ระบุ

ทั้งนี้ ตามขั้นตอน ป.ป.ช.คาดว่าจะพิจารณาได้เสร็จภายในเดือน พ.ค.

ย้อนกลับไปถึงเส้นทางการทำงานของ ป.ป.ช.ในกรณีนี้ พบว่าเป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.ในอดีตที่มี “ปานเทพ กล้าณรงค์ราญ” เป็นประธาน ได้ใช้ระยะเวลาการทำงานพอสมควร ทั้งขั้นตอนการไต่สวนในชั้น ป.ป.ช. และการต่อสู้กันในทางกฎหมายกับอัยการสูงสุด ก่อนที่สุด ป.ป.ช.จะใช้สิทธิตามกฎหมายเพื่อขอต่อสู้คดีนี้ในศาลฎีกาฯ ด้วยตัวเอง หลังจากอัยการสูงสุดมีความเห็นไม่สั่งฟ้อง

จำเลยในคดีนี้ ประกอบด้วย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. เป็นจำเลยที่ 1-4 ตามลำดับ ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 295 และ 302

เหตุผลในการพยายามถอนฟ้องของ ป.ป.ช. ด้วยการอ้างว่าจำเลยร้องขอความเป็นธรรม ก่อให้เกิดความสงสัยทั้งในแง่มุมทางกฎหมายและการเมืองเป็นอย่างมาก

มองในแง่มุมของกฎหมาย “วิชา มหาคุณ” อดีตกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นคนทำคดีมากับมือก่อนจะหมดวาระ ให้มุมมองว่า ป.ป.ช.ไม่น่าจะถอนฟ้องได้ เพราะ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ไม่ได้เปิดทางให้ ป.ป.ช.ทำเช่นนั้นได้ โดยมีมาตรา 86 ของกฎหมายดังกล่าวกำกับเอาไว้

“เท่าที่อยู่ในวาระการดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. มาเป็นเวลา 9 ปี ป.ป.ช.ไม่เคยมีการถอน ฟ้องคดีที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เว้นแต่บางคดีที่หมดอายุความในศาลชั้นต้นแล้ว” อดีตกรรมการ ป.ป.ช.ให้ความเห็น

อีกด้านในทางการเมือง ก็เป็นประเด็นที่เคลือบแคลงอยู่ไม่น้อยเช่นกัน กล่าวคือ หนึ่งในจำเลยของคดีนี้ คือ “พล.ต.อ.พัชรวาท” ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นน้องชายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ไม่เพียงเท่านี้ ก่อนที่ พล.ต.อ.วัชรพล จะดำรงตำแหน่งประธาน ป.ป.ช. ก็เคยทำหน้าที่เป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีให้กับ พล.อ.ประวิตร มาก่อนด้วย

จากโครงสร้างความสัมพันธ์ดังกล่าวระหว่าง ป.ป.ช.กับรัฐบาล นับเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างยิ่งกับการพยายามไปแตะคดีสำคัญคดีนี้ที่กำลังอยู่ในการพิจารณาของศาลฎีกาฯ

อย่างไรก็ตาม จริงอยู่การตัดสินสุดท้ายว่าจะให้ถอนฟ้องหรือไม่อยู่ที่ศาลฎีกาฯ แต่หาก ป.ป.ช.ในอนาคตมีมติให้ถอนฟ้องออกมา ย่อมจะเป็นบรรทัดฐานต่อไปด้วย ซึ่งอาจเป็นช่องให้ผู้ถูกกล่าวหาในคดีทุจริตใช้ประวิงเวลาไม่ให้คดีใน ป.ป.ช.ไปถึงศาลเพื่อให้มีการตัดสินได้

เมื่อการพยายามจะถอนฟ้องคดีดังกล่าวของ ป.ป.ช. ยังมีข้อสงสัยทางกฎหมายและการเมือง จึงไม่ต่างอะไรกับการทำให้ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ สุ่มเสี่ยงต่อการเผชิญวิกฤตศรัทธาอีกครั้งเหมือนกับที่ ป.ป.ช.ในอดีตเคยทำมาจากกรณีการขึ้นเงินประจำตำแหน่งให้กับตัวเอง จนถูกศาลฎีกาฯ พิพากษาว่ามีความผิดให้จำคุก แต่ให้รอลงอาญาเอาไว้

ดังนั้น การดำรงอยู่ของ ป.ป.ช.ในฐานะหน่วยงานสำคัญในด้านการปราบปรามการทุจริตในอนาคต จึงอยู่ที่การตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งกับกรณีนี้

ข่าวล่าสุด

ตำรวจไซเบอร์-ทหาร ถกเข้มชายแดนสระแก้ว เตรียมรับคนไทยจากกัมพูชากลับบ้าน!