แม่น้ำ5สายอยู่ยาว เลือกตั้งก.ค.ปี’60
คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ได้พิจารณาบทเฉพาะกาลร่างรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นแล้วโดยมี 17 มาตรา
โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ได้พิจารณาบทเฉพาะกาลร่างรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นแล้ว โดยมี 17 มาตรา โดย “ชาติชาย ณ เชียงใหม่” โฆษก กรธ. ระบุว่า ที่ประชุมกำหนดให้องค์กรมีอยู่แล้วปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีองค์กรทำหน้าที่อย่างเดียวกันมารับหน้าที่
ขณะเดียวกันได้กำหนดคุณสมบัติ สส.และ สว.ที่ปรากฏในร่างรัฐธรรมนูญนี้ มาใช้บังคับกับคุณสมบัติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
นอกจากนี้ กำหนดผู้ดำรงตำแหน่ง สนช. ถ้าจะลงสมัครรับเลือกตั้งไม่ว่า สส.หรือ สว. หลังประกาศการเลือกตั้งครั้งต่อไป ต้องลาออกภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่รัฐธรรมนูญใหม่ประกาศใช้ ซึ่งหลักเกณฑ์นี้ใช้กับคณะรัฐมนตรี (ครม.) คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เพื่อตัดประเด็นปัญหาเรื่องการสืบทอดอำนาจ
ในส่วน ครม.และ คสช.ให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมี ครม.ใหม่เข้ามาแทน สำหรับ สปท.อยู่ต่อไป 1 ปี หลังจากรัฐธรรมนูญใหม่ประกาศใช้ เพื่อทำหน้าที่ร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นจำนวน 10 ฉบับ คือ กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง กฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองการเลือกตั้ง สส. การได้มาซึ่ง สว. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ร.บ.จัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.ระเบียบวิธีการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ผู้ตรวจการแผ่นดิน และกฎหมายวินัยการเงินการคลัง
ทั้งนี้ ต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 8 เดือนนับตั้งแต่วันที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ รวมทั้งให้อยู่ต่อจนกว่าสนช.ได้ผ่านร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญและกฎหมายสำคัญทั้ง 10 ฉบับเรียบร้อย จึงจะพ้นหน้าที่ และกรธ.ไม่สามารถดำรงตำแหน่งใดๆ ทางการเมืองได้ 2 ปีหลังพ้นตำแหน่ง
นอกจากนี้ สนช.ต้องรีบพิจารณาแต่ละฉบับให้เสร็จภายใน 60 วัน การเลือกตั้ง สส.และ สว. เมื่อกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องประกาศใช้มีผลบังคับแล้ว ให้จัดการเลือกตั้งภายใน 5 เดือน หรือ 150 วัน โดยทั้งหมดเป็นความคิดเบื้องต้น ซึ่งอาจมีรายละเอียดเปลี่ยนแปลงได้
“ชาติชาย” อธิบายว่า การที่ กรธ.ให้ สปท.อยู่ต่อ 1 ปี เพื่อเร่งทำงานปฏิรูปประเทศให้เสร็จ เพราะเป็นองค์กรเสนอแนะการปฏิรูป ดังนั้นอยู่ที่ฝ่ายรัฐบาลนำผลการคิดปฏิรูปไปผลักดัน แต่ระหว่างนั้นจะออกกฎหมายอะไรก็ต้องไปเสนอกับรัฐบาล
อย่างไรก็ดี บทเฉพาะกาลเช่นนี้จะทำให้โรดแมป คสช. จากเดิมที่วางไว้ 6-4-6-4 ขยายเป็น 6-4-8-5 ในช่วงการทำกฎหมายลูกและการกำหนดวันเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่ง คสช.ก็วางกรอบทำงานไว้ กรธ.ก็วางกรอบของตัวเอง
“การเลือกตั้งใหม่ภายใน 150 วัน หลังจากกฎหมายเลือกตั้งเสร็จก่อน การเปลี่ยนผ่านก็ต้องดำเนินการในตรงนั้น โรดแมปยังเป็นไปตาม คสช. สมมติเมื่อรัฐธรรมนูญผ่านประชามติในประมาณเดือน ก.ค. หรือต้นเดือน ส.ค. แล้วแต่กรณี กว่าจะทูลเกล้าฯ และโปรดเกล้าฯ ลงมาก็ประมาณเดือน ส.ค. ก็นับเลยว่าทำงาน 8 เดือน และมาที่สภา 4 เดือน นับหลังจากนั้นไปอีก 150 วัน ก็มีการเลือกตั้ง ก็ประมาณเดือน ก.ค. 25 60”
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าการกำหนดวันเลือกตั้งจำเป็นต้องรอให้กฎหมายลูกเสร็จพร้อมกันหรือไม่นั้น “ชาติชาย” บอกว่า เรื่องนี้เป็นรายละเอียดทางเทคนิค แต่มันจะเป็นเรื่องยาก เพราะต้องทำให้กฎหมายการเงิน การคลัง ของรัฐเสร็จก่อนด้วย เพราะมันจะไปเกี่ยวข้องกับการเสนอนโยบาย การใช้เงิน เพราะวินัยการเงินการคลังเริ่มจากสัญญาหรือเป้าหมายที่จะใช้แล้วภายใน 8 เดือน กรธ.ไม่ได้หมายความว่าวันสุดท้ายจะมายื่นทั้งหมด เพราะก็อยากให้มีการเลือกตั้งเร็วๆ ถ้า กรธ. 8 เดือนทำไม่เสร็จก็ต้องพิจารณาตัวเอง
สำหรับการใช้อำนาจของ คสช.ในบทเฉพาะกาลมีอำนาจเหมือนปกติ เพราะมีการเขียนคุ้มครองให้มีอำนาจใช้ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว แต่ไม่ใช่รักษาการเนื่องจากไม่ใช่เหตุการณ์ปกติเหมือนรัฐบาลปกติ เมื่อหมดรัฐบาลเลือกตั้งก็ต้องรักษาการไปจนกว่ารัฐบาลใหม่เข้าสู่ตำแหน่ง ก็หมดวาระไปวันนั้น
ขณะที่ข้อกังวลการใช้อำนาจของ คสช.ในช่วงเปลี่ยนผ่านก่อนมีรัฐธรรมนูญใหม่ โดยเฉพาะมาตรา 44 ระหว่างช่วงหาเสียงและการเลือกตั้งของพรรคการเมือง ซึ่งเรื่องนี้สิ่งที่เกินคาดการณ์ได้ แต่มาตรา 44 ใช้ยามมีเหตุจำเป็นและเจตนา นายกฯ ก็อยากให้มีการเปลี่ยนผ่านอย่างราบรื่น ดังนั้นเป็นธรรมดามีอำนาจตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวใช้บังคับอยู่จนกว่ามีรัฐธรรมนูญใหม่ประกาศใช้
“ตราบใดที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ จำเป็นต้องมีสะพานไม่เช่นนั้นจะเกิดสุญญากาศทางอำนาจ ขณะเดียวกันบทเฉพาะกาลยังไม่ได้มีการเขียนว่าห้ามใช้อำนาจ แต่บางเรื่องยังต้องเป็นอำนาจที่มีแต่เดิมอยู่ เพราะเขียนคุ้มครองไว้ให้สามารถทำงานได้” ชาติชาย ระบุ
ทั้งหมดนี้ยังต้องตามติดรายละเอียดเนื้อหาทั้ง 17 มาตรา ของบทเฉพาะกาล เพราะยังมีหลายประเด็นที่ยังไม่มีการแถลงออกมา ทุกอย่างจึงยังอึมครึม


