posttoday

ม็อบฯสวนลุมไร้พลังจุดไม่ติด

09 สิงหาคม 2556

จุดไม่ติดสำหรับม็อบกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) หลังได้ปักหลักชุมนุมที่สวนลุมพินีมา 6 วัน

โดย...ชัยรัตน์ พัชรไตรรัตน์

จุดไม่ติดสำหรับม็อบกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) หลังได้ปักหลักชุมนุมที่สวนลุมพินีมา 6 วัน ซึ่งยังไม่สามารถแสดงศักยภาพในการสร้างแรงกดดันให้รัฐบาลได้เลย

ปรากฏการณ์ความไม่มีแรงของม็อบ กปท.ที่ชัดเจนที่สุดคือ ในประกาศเรียกระดมมวลชนให้ออกมาร่วมต่อต้านการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับ วรชัย เหมะ สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ซึ่งถูกบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมของสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เพราะไม่สามารถเรียกมวลชนให้ยกสรรพกำลังมารวมตัว ณ สวนลุมพินี เพื่อเคลื่อนพลไปร่วมสมทบกับม็อบของพรรคประชาธิปัตย์ได้ตามที่นัดหมายกันไว้ โดยในขณะนั้นมีจำนวนผู้ชุมนุมเพียง 500 คน จนท้ายที่สุด แกนนำประกาศเลิกการเคลื่อนขบวนไปยังรัฐสภา และให้ปักหลักอยู่ที่สวนลุมพินีจนถึงทุกวันนี้

อย่างไรก็ตาม เมื่อประมวลรอบด้านแล้วพบว่า ปัจจัยที่ทำให้ม็อบ กปท.แผ่วไร้เรี่ยวแรงในการขับเคลื่อนครั้งนี้มีอยู่หลายประการด้วยกันคือ 1.แกนนำการเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เป็นที่รู้จักมักคุ้นของประชาชน ทำให้ไม่สามารถระดมคนมาชุมนุมได้

ทั้งนี้ แกนหลักในคณะเสนาธิการร่วมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ประกอบด้วย พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ อดีตรองเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก พล.อ.ชูเกียรติ ตันสุวัฒน์ อดีตหัวหน้ากองทัพนิรนาม พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี อดีตอาจารย์โรงเรียนเสนาธิการทหาร พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม พิเชฐ พัฒนโชติ อดีตแนวร่วมพันธมิตร และไทกร พลสุวรรณ แกนนำกลุ่มอีสานกู้ชาติ

ขณะที่ปัจจัยที่ 2.เนื้อหาสาระรูปแบบการเคลื่อนไหวไร้ซึ่งความชัดเจนให้ระคายต่อมความรู้สึกฮึกเหิมของมวลชน และ 3.ขาดเงินทุนสนับสนุนเพื่อใช้โค่นล้มรัฐบาลไม่เพียงพอให้กองทัพเดินหน้า และ 4.ขาดคนปราศรัยบนเวทีที่จะโน้มน้าวให้ผู้ชุมนุมฮึกเหิมได้

ทั้งนี้ เป็นผลมาจากที่แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) 93 คน ถูกศาลมีคำสั่งห้ามเคลื่อนไหวทางการเมืองตามเงื่อนไขการประกันตัวในคดี พธม.ปิดสนามบินและยึดทำเนียบรัฐบาล จึงทำให้แกนนำเหล่านี้ไม่กล้าขึ้นเวทีเพื่อช่วย กปท.ได้

4 ปัจจัยหลักดังกล่าว ทำให้ กปท.ไม่สามารถแสดงขีดความสามารถ ศักยภาพ อานุภาพ พลังของประชาชนให้ออกมาเคลื่อนไหวได้เต็มประสิทธิภาพ รวมทั้งเจออุปสรรคจากรัฐบาลประกาศใช้กลไกเครื่องมือต่างๆ ที่มีอยู่ในมืองัดออกมาสกัดกั้นมวลชนทุกรูปแบบ จึงทำให้ม็อบ กปท.ไร้พลัง

ทั้งนี้ แกนนำของกลุ่ม กปท.ยอมรับว่ากำลังประชาชนที่สวนลุมพินีไม่เพียงพอใช้ต่อรองให้ได้เปรียบจนรับชัยชนะได้

“ผมจำเป็นต้องประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และผมขอยืนยันจะไม่ใช้กำลังประชาชนเดินหน้า หากไม่ประสบความสำเร็จ และผมยอมเสียหน้าเสียตาให้ถูกต่อว่า แต่จะไม่ยอมเอาชีวิตประชาชนไปทิ้งอย่างเด็ดขาด จึงขอให้รอในที่ตั้งก่อนแล้วทุกอย่างจะดีเอง” พล.ร.อ.ชัย แกนนำ กปท.ระบุ

ขณะเดียวกัน แกนนำ กปท.ยังไม่ละความพยายามเตรียมฮึดอีกรอบ หลัง พ.ร.บ.ความมั่นคงสิ้นสุด วันที่ 10 ส.ค.นี้

ทว่า หากประเมินภาพรวมและช่วงเวลาทั้งหมดในการเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปท.ยอมรับว่ายังไม่ถึงจุดขีดสุดให้เป็นเงื่อนไขที่ประชาชนต้องออกโรงแสดงพลัง เนื่องจากการพิจารณากฎหมายนิรโทษกรรมอยู่ในเพียงวาระ 1 คือ รับร่างกฎหมายหรือไม่เท่านั้น ถ้าเข้าสู่ช่วงพิจารณาในวาระ 2 และ 3 ก็พอเป็นประกายกระตุกมวลชนออกมาขยับตัวเตรียมพร้อมต่อสู้

วินาทีนี้บอกได้คำเดียว ม็อบ กปท.ต้องประวิงเวลาให้ประชาชนเข้าร่วมจนถึงที่สุด เพื่อวัดกำลังว่าหากเวลาใดเวลาหนึ่งต่อจากนี้ เมื่อถึงจุดให้ปลุกกระแสมวลชนต่อต้าน จะได้รับการตอบสนองจากประชาชน แต่หากประคองเลี้ยงไข้ต่อไป แล้วไร้ซึ่งสัญญาณบวก ผลลงเอยคงไม่สวย

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องท้าทายคณะเสนาธิการร่วมฯ จะพลิกเกมดึงมวลชนให้เข้าร่วม สร้างความได้เปรียบบนการเมืองข้างถนนอย่างไร เพราะหากเป็นเช่นนี้ต่อไป พลังมวลชนจะเริ่มร่อยหรอจนกลายเป็นฟืนเปียกน้ำ ยากต่อการจุดติดขับไล่รัฐบาลและทักษิณ ซึ่งชัดเจนว่าเหล่าเสนาธิการร่วมฯ คงต้องหารันเวย์ร่อนลงจอดเพื่อไม่ให้เครื่องตกกระแทกพื้นอย่างจัง