posttoday

"เกิดเป็นคน สุจริตกับชีวิตเข้าไว้" พระหม่อมเหยิน ถอดความฮาสู่ความสงบถวายในหลวง ร.9

23 กรกฎาคม 2560

เปิดชีวิตพระประสิทธิ์ ชาคโล อดีตดาวตลกระดับตำนาน ผู้ตัดสินใจอยู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ตลอดชีพเพื่อถวายพระราชกุศลแด่ในหลวง ร.9

โดย...วรรณโชค ไชยสะอาด

ในบรรดาดาวตลก 40 คนที่เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดบางพลีใหญ่ จ.สมุทรปราการ เพื่อถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 16 ม.ค.2560  มีเพียง พระประสิทธิ์ ชาคโล หรือ หม่อมเหยิน เท่านั้นที่ตัดสินใจอยู่ในสมณเพศมาจนกระทั่งปัจจุบัน

จากเด็กลพบุรี อายุแค่ 10 ขวบ ต้องฝ่าฟันทำมาหากินในโรงลิเก คณะดนตรีลูกทุ่ง ก่อนขวนขวายโอกาสนำพาตัวเองไปเป็นนักจัดรายการวิทยุและประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิตกับบทบาทตลกคาเฟ่

วันนี้พระประสิทธิ์ ตัดสินใจละทางโลก ปล่อยเวลาที่ผ่านมาไว้เป็นเพียงอดีต มุ่งหน้าบำเพ็ญกุศลถวายแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 จนกว่าจะสิ้นลมหายใจ โดยจำพรรษาอยู่ที่วัดธรรมปัญญา อ.บ้านนา จ.นครนายก

บวชตลอดชีวิตเพื่อในหลวง ร.9

พระประสิทธิ์ หรือ ประสิทธิ์ เทศทะวงศ์ อายุ 74 ปี ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส บุคลิกนิ่งสุขุมต่างไปมากจากอดีตเมื่อครั้งโดนเด่นอยู่บนเวทีตลก ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา พระพุทธศาสนาขัดเกลาความวุ่นวายทางโลกและยึดเหนี่ยวท่านไว้อย่างสงบ

“หลังครบ 9 วันแรก รู้สึกสงบ ไม่อยากสึก คุยกับทางครอบครัวลูกและภรรยาก็ไม่มีปัญหา เลยตั้งอธิษฐานจิตขอบวชตลอดชีวิต อายุเราก็เหลือไม่มากแล้วจะมีสิ่งใดเล่าที่จะทดแทนหรือตอบแทนพระองค์ท่านได้” พระประสิทธิ์เอ่ยถึงความตั้งใจพร้อมกับบอกต่อว่า “ขอให้ผ้าเหลืองเป็นสิ่งตอบแทนความเมตตาของพระองค์ไปตลอดชีวิต”

ปัจจุบันพระประสิทธิ์เลือกพักอยู่ในกุฏิขนาดเล็ก บริเวณป่าช้า ของวัดธรรมปัญญา เนื่องจากต้องการสมาธิและความสงบเพื่ออ่านหนังสือศึกษาธรรมมะ ส่วนสาเหตุที่เลือกจำพรรษาที่นี่ เพราะรู้จักมักคุ้นกับเจ้าอาวาสมาตั้งแต่สมัยเป็นตลกชื่อดัง

“รู้จักกันมานาน ไปมาหาสู่กันตลอด จริงๆ ท่านชวนเราบวชมานานแล้ว บอกเหนื่อยมามาก บวชดีกว่า แต่อาตมาปฏิเสธตลอด”

"เกิดเป็นคน สุจริตกับชีวิตเข้าไว้" พระหม่อมเหยิน ถอดความฮาสู่ความสงบถวายในหลวง ร.9 กุฏิขนาดเล็ก บริเวณป่าช้า ของวัดธรรมปัญญา

ซึ้งรสพระธรรม–ตั้งเป้าสร้างสำนักเมตตาสุนัข

ร่มกาสาวพัสตร์คือความสุขและความสงบในช่วงบั้นปลายของชีวิตที่พระประสิทธิ์พอใจมาก ท่าน เล่าให้ฟังว่า สิ่งสำคัญในการดำรงสมณเพศคือการตั้งสติอย่างมั่นคงและมีสมาธิรู้จักสถานะของตัวเอง ปฏิบัติตนตามหลักพระพุทธศาสนา หากทำได้อย่างถูกต้องจะเหมือนมีสิ่งใดคอยดลใจให้ผู้นั้นไม่อยากละสีผ้าเหลืองไปจากร่าง

“หากบวชเพื่อคลายทุกข์หรือหลบหลีกไม่นานเดี๋ยวก็อยากสึก แต่ตอนนี้เราไม่ได้คิดแบบนั้นเลย ขออุทิศส่วนกุศลให้กับพระองค์ทุกๆ วัน”

อดีตเจ้าของฉายาหม่อมเหยิน บอกว่า แต่ละวันจะสวดมนต์เป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ขณะสวดเหมือนมีอะไรดลใจให้อยากสวดและภาวนาอธิษฐานหลายสิ่งหลายอย่างต่อไป ยอมรับว่าการฝึกฝนในช่วงวัย 74 ปี อาจจะลำบากอยู่บ้างในช่วงแรก

สำหรับเป้าหมายของพระประสิทธิ์ คือ การสร้างสำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรมและเป็นสถานรองรับเหล่าสุนัขที่ถูกทอดทิ้ง

“ล่าสุดมีคนเฒ่าคนแก่เอาหมามาให้อีก 5 ตัว ตอนนี้มีทั้งหมด 7 ตัวแล้ว ขอเมตตาต่อสัตว์ให้มากที่สุด นอกจากช่วยเหลือมันแล้ว ยังสอดคล้องกับแนวทางของพ่อหลวงพระองค์ท่านที่เป็นคนรักสุนัขด้วย

ส่วนวันหน้าถ้ามีโอกาส ด้วยบารมี อยากมีที่ตั้งสำนักสงฆ์ รองรับหมาที่ตกทุกข์ได้อยากหรือเจ้าของไม่พร้อมเลี้ยง อยากทำด้วยเจตนารมณ์ที่ถูกต้อง เมตตาสัตว์ค้ำจุนสัตว์ไม่ซ่อนเร้นหาประโยชน์ ”

"เกิดเป็นคน สุจริตกับชีวิตเข้าไว้" พระหม่อมเหยิน ถอดความฮาสู่ความสงบถวายในหลวง ร.9

ใช้ชีวิตอย่างสุจริตและปล่อยให้ชะตานำพา

สำหรับเส้นทางชีวิตของพระสงห์รายนี้ บ้านเกิดอยู่จังหวัดลพบุรี จบการศึกษาเพียงแค่ชั้น ป.4 ก็เริ่มต้นนับหนึ่งในเรื่องความสามารถทางการแสดงกับลิเกคณะกุมารทองลูกขุนแผน รับบทบาทเป็นตัวโกง จนกระทั่งอายุได้ 17 ปี เข้าทำงานเป็นนักแสดงตลกกับคณะดนตรีลูกทุ่งพรนารายณ์ เป็นตลกในวงดนตรีลูกทุ่งได้สักระยะก็เริ่มฉายแววถูก วัชรพล ลิมปะพันธุ์ หรือ “แอ๊ด เทวดา” เจ้าของสื่อวิทยุจังหวัดพิษณุโลกและพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ชักชวนให้มาจัดรายการวิทยุร่วมกัน

“แกบอกเลิกเล่นเหอะ มานี่มีอนาคต ได้เงินได้ทองเยอะกว่า”

ชายหนุ่มผมยาวฟันเหยินมุ่งมั่นเป็นดีเจจัดรายการวิทยุมากว่า 10 ปี มีความสุขกับการใช้เสียง เปิดเพลง และให้คำแนะนำกับเหล่านักร้องหน้าใหม่ ชีวิตลงหลักปักฐาน สร้างบ้านมีครอบครัว และไม่คิดฝันว่าจะต้องย้ายถิ่นฐานหรือเปลี่ยนแปลงอาชีพ จนกระทั่งราวปี พ.ศ.2531 จุ๋มจิ๋ม เข็มเล็ก หรือ สมศักดิ์ หมีพุฒ อดีตนักแสดงตลกร่างอ้วนชาวไทย เพื่อนสนิทตั้งแต่วัยเด็ก ที่กำลังโด่งดังในขณะนั้นร่วมกับ เทพ โพธิ์งามและเพชร ดาราฉาย ชักชวนไปสร้างชื่อในเมืองหลวง

“สมัยนั้นได้เงินประมาณเดือนละ 2.5 หมื่น และมีค่าหัวคิวอื่นๆ อีก ก็คิดว่าเยอะมากแล้ว แต่จุ๋มจิ๋มบอก โห..แค่นั้นเองเหรอ มึงไปอยู่กับกูเถอะ น้ำขึ้นให้รับตัก เขากำลังโกยเงินกันเลย”

ชีวิตใหม่ในคาเฟ่ของนายประสิทธิ์ไม่ใช่เรื่องง่ายและเต็มไปด้วยความอึดอัด เมื่อช่วงเริ่มต้นไม่มีใครรู้จักชื่อเสียงเสียงเรียงนามของเด็กบ้านนอกอย่างเขาเลย เล่นมุขไม่ฮา ไม่ตลก จนถูกดี๋ ดอกมะดัน ตำหนิบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตามสุดท้ายก็ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้และสร้างชื่อ “ไอ้หม่อมเหยิน” สำเร็จ

“แรกๆ ชาวบ้านเขาก็เรียกเราไอ้เหยิน ไอ้หม่อง สลับและเพี๊ยนมาเป็นไอ้หม่อม สุดท้ายดี๋ก็เป็นคนเรียกไอ้หม่อมเหยิน มันน่าจะมีที่มาจากบุคลิกนั่นแหละ ก็ดีใจที่มันกลายเป็นชื่อที่คนจำได้”

มุขเรียกเสียงหัวเราะสมัยรุ่งเรืองของหม่อมเหยินคือ จังหวะการพูด ฟันหน้า รวมถึงท่าเต้น

“เมื่อวานเกือบมีเรื่อง คนเดินผ่านมา มันหาว่าเราเอาฟันชี้หน้ามัน แฮร่” เขายกตัวอย่างมุขขำๆ เกี่ยวกับเอกลักษณ์ของตัวเอง

"เกิดเป็นคน สุจริตกับชีวิตเข้าไว้" พระหม่อมเหยิน ถอดความฮาสู่ความสงบถวายในหลวง ร.9 สมัยโด่งดังเล่นตลกบนเวทีคาเฟ่

 

"เกิดเป็นคน สุจริตกับชีวิตเข้าไว้" พระหม่อมเหยิน ถอดความฮาสู่ความสงบถวายในหลวง ร.9 ธุรกิจไอศกรีมมะพร้าว

ตลกคณะหม่อมเหยินมีชื่อเสียงโด่งดังอยู่หลายปี เจ้าตัวร่ำรวยมีเงินมีทอง รายได้ 5-6 หมื่นบาทต่อวัน หากมีอัดเทปวิดีโอด้วยจะพุ่งไปสูงถึงวันละ 1 แสนบาท สมัยนั้นผู้ชายคนนี้ครอบครองรถสุดหรูเมอร์เซเดส-เบนซ์ถึง 2 คัน ได้แก่ E-220 และ S-500

“ความดังมันไม่รู้สึกตัวหรอก ทุกคนลืมตัวรวมทั้งเราด้วย ไปไหนมีแต่คนทัก มีงานทุกคืนเป็น 10 ที่ เราเกิดจากศูนย์ เป็นลูกชาวไร่ชาวนา ไม่มีอะไรสักอย่างมาเริ่มตั้งตัวซื้อบ้านซื้อรถ ขับเบนซ์เป็นฐานะ โชคดีที่ไม่ใช่คนเที่ยว เหล้าไม่กิน พนันไม่เอา ส่วนใหญ่หมดไปกับสิ่งของและเลี้ยงคน”

คราวอวสานของคาเฟ่มาถึงในสมัยที่รัฐบาลออกกฎหมายประกาศเวลาปิดสถานบันเทิงไว้เพียงแค่ 24.00 น. กระทบกับศิลปินตลกทั่วฟ้าเมืองไทย เม็ดเงินหดหายและกลายเป็นจุดตกต่ำของใครหลายคน
 
“หมดเลยทุกคณะ ตลกไปกองเป็นเงาะเน่า เพราะเราเคยเล่นกันถึงพระบิณฑบาตร” พระประสิทธ์ระลึกอดีต

หลังวิกฤตครั้งนั้น ราวปี พ.ศ. 2546 หม่อมเหยินบินลัดฟ้ามุ่งหน้าสู่แดนปลาดิบ ประเทศญี่ปุ่น เริ่มจากเล่นตลกในร้านอาหาร ก่อนตัดสินใจอยู่ยาวถึง 8 ปีในฐานะพนักงานของโรงงานแห่งหนึ่ง

“ได้แง่คิดกลับมาเยอะ ที่นั่นคนระดับผู้จัดการยังใช้รถเล็กๆ เขาใช้เป็นพาหนะไม่ใช่ใช้เป็นฐานะ กลัวคนไม่รู้ว่ามีเงิน แต่เป็นหนี้ อยู่ได้ 8 ปี กลับมาเมืองไทยขายรถเบนซ์ทิ้งเลย”

หลังกลับมาเมืองไทย หม่อมเหยินเปิดกิจการร้านอาหารหลายครั้ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ กระทั่งมาขายไอศครีมมะพร้าวสดอยู่ จ.ปราจีนบุรี การค้าก้าวหน้าตามสมควรมียอดสั่งซื้อในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ และไปได้ไกลสุดถึงประเทศกัมพูชา สุดท้ายการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทำให้เขาตัดสินใจบวชอย่างไม่มีวันสึก

“เราเกิดมาเพื่อศึกษาชีวิตตัวเองว่า ชีวิตมันจะพาเราไปตรงไหนบ้าง อย่าไปฝืน พยายามทำเต็มที่และปล่อยมันไป ขออย่างเดียวอย่าทำชั่ว สุจริตกับชีวิตเข้าไว้ มันจะพาไปเจอแต่สิ่งดีๆ” พระประสิทธิ์เอ่ยถึงคติประจำใจของตัวเองพร้อมกับเปิดรอยสักที่แขนข้อความว่า “มานะและอดทน”

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวช่วงสำคัญของชีวิต พระประสิทธิ์ หรือ หม่อมเหยิน ประสิทธิ์ เทศทะวงศ์ อีกหนึ่งตลกระดับตำนานของเมืองไทย