posttoday

"ไม่ประจบคสช.-ไม่เคยทำให้เงินภาษีประชาชนเสียหาย" เปิดใจ พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส

14 พฤษภาคม 2560

"ผมไม่ประจบใครอยู่แล้วเพราะเราเป็นองค์กรอิสระ เรื่องใดเข้ามาใน สตง.ไม่มีเงียบ บางเรื่องไม่เป็นข่าว แต่ก็ดำเนินการเด็ดขาด"

โดย...ธนพล บางยี่ขัน 

ความขัดแย้งระหว่างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) สะท้อนผ่านกระบวนการสรรหา คตง.ชุดใหม่ที่กำลังจะหมดวาระในเดือน ก.ย.นี้ ที่มองกันว่าอาจมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ทั้งการเตะสกัด หรือการหวังยื้ออยู่ในอำนาจช่วงรักษาการให้นานกว่าที่กฎหมายกำหนด

พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เปิดใจกับโพสต์ทูเดย์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ข้อเท็จจริงไม่ใช่การ “งัดข้อ” อย่างที่ปรากฏในข่าว แต่มาจากคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 23 /2560 ในข้อ 12 กำหนดให้ต้องมีการสรรหาบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่ง คตง. แทนตำแหน่งที่ว่างลง คือ สุทธิพล ทวีชัยการ และวิทยา อาคมพิทักษ์ ซึ่งลาออกไปก่อนหน้านี้และตำแหน่งที่เหลือจะหมดวาระในเดือน ก.ย.นี้ 

ทางฝ่ายกฎหมายของเลขาธิการวุฒิสภาโทรศัพท์มาประสานขอให้ สตง.ส่งรายละเอียดว่า คตง.มีใครพ้นตำแหน่งแล้ว และที่เหลือจะครบวาระเมื่อไหร่ อีกทั้งส่วนตัวได้สอบถามไปยังนักกฎหมายผู้ใหญ่ในสภาที่รอบรู้เรื่องคำสั่งของ คสช.เห็นว่า สตง.ควรจะเป็นต้นเรื่องเริ่มกระบวนการสรรหา ไม่ใช่ คตง.ที่จะเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากการสรรหา

“ผมไม่เห็นจะเสียหายตรงไหนกับการเริ่มต้นกระบวนการสรรหา จากเดิมกำหนดคุณสมบัติผู้สรรหาต้องมีอายุไม่เกิน 70 ปี มาเป็น 68 ปี ดังนั้น หากยิ่งช้าก็ยิ่งจะทำให้คนเสียโอกาส แต่ไม่เกี่ยวกับผม เพราะในคำสั่งกำหนดคุณสมบัติคนที่จะมาข้อ 6 ต้องไม่เคยดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ผมเป็นไม่ได้อยู่แล้ว หรือ คตง.ที่รู้กฎหมายก็ต้องรู้ว่าตัวเองก็เป็นอีกสมัยไม่ได้ ทำไมเราต้องมาถ่วงเวลาด้วย แต่จะเสียหายถ้าไม่เริ่มกระบวนการแล้วปล่อยให้คำสั่ง คสช.ไม่มีสภาพบังคับ หรือ คตง.จะหวังอยู่ในตำแหน่งรักษาการช่วงสรรหา คำสั่ง คสช.ก็บอกแล้วว่าเป็นอย่างเก่งก็แค่ 60 วัน” 

“กรณีที่กังวลว่า คตง.ชุดใหม่มาแล้วจะเลือกหรือไม่เลือกคนของผมนั้น ต้องบอกว่าไม่มีใครเป็นคนของผม มีแต่คน สตง. ผมอยู่มาตั้งแต่รักษาการผู้ว่าฯ สมัยคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา คนใน สตง.ไม่ใช่คนของผม การพิจารณาผลงานขึ้นกับความสามารถ ทุกคนเป็นคนที่เข้ามาคือคนที่เห็นว่ามีความสามารถจะให้มาเป็นผู้บริหาร ดังนั้นเลือกใครใน สตง.ก็ได้ทั้งนั้นเพื่อไม่ต้องมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่”

ส่วนกรณีที่ทาง คตง.ทำหนังสือทักท้วงกระบวนการสรรหาโดยให้เหตุผลว่าควรออกฎหมายลูกให้เสร็จก่อนเพื่อจะได้พิจารณาคุณสมบัตินั้น ผู้ว่า สตง. อธิบายว่า ไม่จำเป็นเพราะรายละเอียดการสรรหากำหนดอยู่ในคำสั่ง คสช.อยู่แล้ว ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับเหตุผลเรื่องเวลาน้อยเกินไปพิจารณาส่งตัวแทนร่วมกรรมการสรรหาไม่ทัน ไม่ควรนำมาเป็นเหตุผลรวมกัน ถ้ารัก สตง.จริง ต้องทำให้เกิด คตง.ชุดใหม่ให้เร็วที่สุด แล้วตัวเองส่งมอบงานให้คนใหม่ได้เรียนรู้งาน

พิศิษฐ์ ยืนยันว่า ตามคุณสมบัติที่กำหนดในคำสั่ง คสช. ทำให้ตัวเขาไม่สามารถเป็นทั้ง คตง. และผู้ว่า สตง.ได้อีก ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการอยากอยู่ในตำแหน่งต่อไป หรืออยากมีเงินใช้ เพราะที่ผ่านมาหลังอายุครบ 65 ปี แต่ยังไม่ครบกำหนดวาระดำรงตำแหน่ง ทาง คสช.ก็มีคำสั่งให้ทำงานต่อได้จนครบวาระเดือน ก.ย.นี้ หลังจากนั้นก็ไม่สามารถรับตำแหน่งได้อีก 

“ผมประกาศไม่รับเงินเดือนตั้งแต่ เม.ย.ที่มีคำสั่งให้กลับมาทำงานต่อได้ โดยจะสะสมเอาเงินเดือนไปจนถึง ก.ย. ไปตั้งมูลนิธิตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อซัพพอร์ตเงินในการทำงานให้กับเจ้าหน้าที่ที่เสียสละทำงานเพื่อรักษาประโยชน์ให้บ้านเมือง ช่วงนี้ผมเหลือเวลาก็รีบทำงานไม่ชะลอเวลา ที่ผ่านมาก็ทำคดีใหญ่ๆ มาหลายเรื่อง ชน ทั้ง จำนำข้าว ซุกหุ้น เชฟรอน ท่อก๊าซ ปตท. ฯลฯ”

“ผมไม่ประจบใครอยู่แล้วเพราะเราเป็นองค์กรอิสระ” ผู้ว่า สตง. ตอบคำถามถึงกรณีที่ระยะหลังถูกมองว่าปกป้อง เอาใจ รัฐบาล คสช.หลายๆ เรื่อง เขายืนยันว่า “เรื่องใดเข้ามาใน สตง.ไม่มีเงียบ บางเรื่องไม่เป็นข่าว แต่ก็ดำเนินการเด็ดขาด เช่น เรื่องยากำจัดศัตรูพืชที่เกี่ยวพันกับคนใน สนช. ก็ไม่เคยเกรงว่าสักวันหนึ่งคนพวกนี้ต้องเห็นชอบ คตง. ต้องเห็นชอบ ผู้ว่าการ สตง. หรือเรื่องท่อก๊าซ ปตท. ถ้าเราซูเอี๋ยกับเขาได้  เกษียณไปแล้วเราก็อาจมีงานทำ ทำไมเราไม่คิดอย่างนั้น ขนาดเงินเดือนผม ผมยังไม่เอาเลย”

"ไม่ประจบคสช.-ไม่เคยทำให้เงินภาษีประชาชนเสียหาย" เปิดใจ พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส

ล่าสุดกับการตรวจสอบเรือดำน้ำ พิศิษฐ์ ยืนยันว่า การตรวจสอบต้องดูข้อเท็จจริงหลักฐาน ที่ผ่านมา สตง.ก็เคยทักท้วงเมื่อครั้งจะจัดซื้อเรือดำน้ำจากเยอรมนี 6 ลำ เพราะเห็นว่าเป็นเรือดำน้ำมือสองที่อายุใช้งานสั้นกว่า แถมใช้ไปซ่อมไป นำลำที่เหลือมาเป็นอะไหล่ จนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่กล้าซื้อ  

ต่างจากครั้งนี้ ทันทีที่ปรากฏเป็นข่าว สตง.ก็เข้าไปตรวจสอบที่กองทัพเรือเพราะเป็นเอกสารลับ ดูเอกสารย้อนหลังที่พบว่าไม่ได้เพิ่งคิดจะซื้อ แต่ศึกษามานาน ส่วนเรื่องประเด็นไม่สอดรับกับภาวะเศรษฐกิจ พบว่าเขาทยอยจ่าย รัฐบาลนี้ซื้อรัฐบาลหน้ายกเลิกได้ โดยไม่ได้เอางบกลางหรืองบคนจนมาใช้ตามที่มีกระแสกล่าวหา

“เราก็ต้องพูดตามข้อเท็จจริงว่า ไม่พบข้อสังเกตที่มีนัยสำคัญ ผมไม่สามารถปรักปรำเขาได้ เพราะเราตรวจอยู่บนหลักฐานข้อเท็จจริง สิ่งที่ผมพูดนี่ มันผูกพันตัวผม ผูกพัน สตง.คนอื่นไปตรวจแล้วบอกว่าผิดก็เท่ากับไปสนับสนุนเขา ทำไมผมต้องไปเสี่ยง หรือเรื่องสินบนนั้นก็ตรวจไม่พบและทางจีนก็มี สตง.ที่จะช่วยตรวจของเขา”

ถามย้ำว่าทำงานเอาใจ คสช.อย่างที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่ พิศิษฐ์ กล่าวว่า เขาให้มาทำงาน เขายกเว้นเรื่องอายุเกษียณให้อยู่ครบเทอมก็ไม่ได้สำนึกว่ามีบุญคุณต้องมาตอบแทน ตอบแทนบุญคุณแผ่นดินดีกว่า ทำงานนี้ดีกว่าไปเดินจงกรม วิปัสสนา ส่วนตัวทำงานมา 40 ปี จนเป็นฝ่ายบริหารไม่เคยลาพักร้อนยกเว้นป่วยเข้าโรงพยาบาล เสาร์อาทิตย์ก็มานั่งทำงานไปถาม รปภ.ได้เลย

“แล้วที่เขาให้ทำงานต่อก็ไม่ได้ให้มานั่งเฉยๆ เป็นที่ปรึกษาที่ผ่านมาทำเต็มที่ และตัดข้อครหาก็ไม่เอาสตางค์ สร้างผลงานทิ้งทวนไม่ต้องประจบใครอีกแล้ว จบงานนี้ก็จบ ไม่คิดว่าจะต้องไปเป็นอะไร เพราะทำอาชีพตรวจสอบ คงไปทำหน้าที่บริหารงานไม่เป็นหรอ ถ้าต้องการเอาใจคนมีอำนาจคนมีสตางค์ ทำไมคดีจะจบอยู่แล้วต้องเอาตีนเข้าไปขัดเขา ก็เพราะไม่คิดหาผลประโยชน์”

ผู้ว่า สตง. ระบุว่า ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบครบ 7 วัน จากนั้นก็จะสรุปผลแล้วมาแถลง สตง.ไม่มีเสื้อเหลืองเสื้อแดง อยู่บนความเป็นธรรม ผิดถูกก็ว่าไป ไม่ไปฟอกความผิดให้กองทัพเรือ แต่จะให้ไปทำบาปปรักปรำทหารหรือส่วนราชการ ก็จะเป็นการทำลายตัวเอง แตกต่างจากหลายเรื่องก่อนหน้านี้ที่ สตง.เคยเข้าไป เช่น เรื่องจ้างประดับไฟของ กทม.ที่พบความผิดปกติชัดเจน

ช่วงเวลาในตำแหน่งอีกไม่กี่เดือนสุดท้าย พิศิษฐ์ มองว่า ไม่ต่างจากทุกวันที่่ผ่านมาเพราะทำงานเต็มที่มาตลอด ทั้งเชิงรุก ป้องปราม อย่างการตั้งสำนักตรวจสอบภาษี ก็กระตุ้นการจัดเก็บเพิ่มขึ้นได้ 1 หมื่นล้านบาท หรือกรณี เชฟรอนที่เรียกเงินคืนได้ 4,000 ล้านบาท หรือกรณีท่อก๊าซ ปตท. 3 หมื่นล้านบาท

“เราทำมาตลอดเพราะการตรวจสอบทำบ้างแผ่วบ้างไม่ได้ ต้องรุกตลอดเวลา คนที่นำทัพไม่สามารถมาศึกษาดูงานได้ ต้องมาถึงบัญชาการสั่งงานได้เลย ผมไม่เคยทำให้เงินภาษีประชาชนเสียหาย ผมทำงานคุ้มค่า ถูกด่าไม่ว่าขอให้ทำงานสร้างผลงานอย่างน้อยความจริงกระจ่างในระยะยาวและทำงานเหมือนทุกวันเป็นโค้งสุดท้าย”พิศิษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย