posttoday

"ถ้าสมเด็จช่วงขึ้นเป็นสังฆราช ธรรมกายจะเฟื่องฟู" ส.ศิวรักษ์

17 มกราคม 2559

"สุลักษณ์ ศิวรักษ์" วิเคราะห์ปมแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20

เรื่อง....อินทรชัย พาณิชกุล / ภาพ....พรพรหม สาตราภัย

ปฏิเสธไม่ได้ว่า การแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 กำลังเป็นประเด็นร้อนที่ถูกจับตามองจากทุกฝ่าย

หลังจากมีกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วยออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการเสนอนามสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช

เหตุผลสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาต่อต้านคือ รอยมลทินจากข้อครหาหลายประการ ตั้งแต่คดีครอบครองรถหรู การรับรูปหล่อทองคำหลวงพ่อสดหนัก 1 ตันจากวัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะการปกป้องพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไม่ให้ต้องปาราชิก

อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ.2535 โดยเฉพาะมาตรา 7 ใจความสำคัญระบุว่า

"พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง วรรคสอง เมื่อไม่มีสมเด็จพระสังฆราช หรือสมเด็จพระสังฆราชไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้นายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบตามมติของมหาเถรสมาคม (มส.) เสนอนามสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ ขึ้นกราบบังคมทูลฯ เพื่อสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช ในกรณีที่สมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบตามมติของ มส. ให้เสนอสมเด็จพระราชาคณะที่มีอาวุโสชั้นรองลงมาตามลำดับ และสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ขึ้นกราบบังคมทูลเพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช"

ข้อเท็จจริงอยู่ตรงที่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ปัจจุบันมีอายุย่าง 89 ปี ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2538 ถือว่าอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ ที่สำคัญยังดำรงตำแหน่งผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช  

นั่นหมายความว่า "สมเด็จช่วง" คือผู้ที่จะได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่

ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง "สุลักษณ์ ศิวรักษ์" นักคิด นักเขียน และปัญญาชนคนสำคัญ จะมาวิเคราะห์ถึงปมปัญหาการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช อันสะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งของวงการพุทธศาสนาเมืองไทย

มีการตั้งข้อสังเกตว่า สาเหตุที่ต่อต้านสมเด็จช่วงไม่ให้ขึ้นเป็นสังฆราช เพราะธรรมกาย

ถ้าสมเด็จช่วงได้ขึ้นเป็นพระสังฆราช ธรรมกายจะเฟื่องฟู คุณไปดูได้ การเลื่อนสมณศักดิ์เมื่อวันที่ 5 ธันวาที่ผ่านมา สายธรรมกายขึ้นตรงเลย วัดธรรมกายตอนนี้มีสาขาเกือบทั่วโลก มีการตั้งสมณศักดิ์ในต่างประเทศเยอะแยะไปหมด ธรรมกายทั้งนั้น และวัดธรรมกายมาจากวัดปากน้ำ สมเด็จช่วงก็เป็นพระอุปัชฌาย์ให้ธัมมชโย แกปกป้องพระธรรมกายมาตลอด ธรรมกายมีเงินและอำนาจมากมายมหาศาลที่จะซื้อกรรมการมหาเถรสมาคมได้แทบทั้งหมด

ผมเคยเขียนหนังสืออกมาเล่มหนึ่งซึ่งเจ้าคุณประยุทธ์ (พระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) เจ้าอาวาสวัดญาณเวศกวัน จ.นครปฐม)  ชี้ให้เห็นเลยว่า ธรรมกายเป็นสัทธรรมปฏิรูป หมายความว่าไม่ได้สอนตามพระพุทธเจ้า แต่สอนให้ต่อต้านพระพุทธเจ้า สิ่งที่ธรรมกายสอนตรงข้ามกับพระพุทธเจ้าสอนทั้งหมด พระพุทธเจ้าสอนให้คนละความโลภ โกรธ หลง ธรรมกายเขาสอนให้เพิ่มความโลภ เอาเงินถวายมากๆเป็นของดี จะได้ขึ้นสวรรค์ จะได้เห็นพระพุทธเจ้า ซึ่งมันโกหกตอแหลทั้งนั้น  ศาสนาพุทธไม่ได้สอนให้เห็นพระพุทธเจ้า เพ่งลูกแก้วแล้วได้นั่นได้นี่

เวลานี้มันนับถือศาสนาใหม่กันหมด ศาสนาทุนนิยม ศาสนาบริโภคนิยม คนก็มาทางนี้เยอะ แม้กระทั่งพวกที่ไม่ได้อยู่ในธรรมกาย วัดต่างๆสอนให้คนนับถือชูชก ชูชกเป็นตัวเลวร้ายในพระเวสสันดรชาดกเลย เขาบอกไอ้นี่ขอเก่ง บางวัดหล่อองค์พระพิฆเนศองค์ใหญ่เลย บนบานแล้วได้ บางวัดหล่อเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่เลย ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะมันเป็นคำสอนที่ตรงข้ามกับพระพุทธเจ้า ฝ่ายต้านเลยกลัวว่าถ้าสมเด็จช่วงขึ้น โอกาสที่จะพังก็เร็วขึ้น

นี่คือเหตุผลที่พุทธะอิสระ (เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม) ออกมาต่อต้าน 

"ถ้าสมเด็จช่วงขึ้นเป็นสังฆราช ธรรมกายจะเฟื่องฟู" ส.ศิวรักษ์

มองสมเด็จช่วงอย่างไร

พูดตรงไปตรงมา สมเด็จช่วงก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนะครับ ท่านเป็นคนน่ารัก ไอ้มลทินนี่เคยมีเรื่องอื้อฉาวสมัยก่อน พวกในคณะสงฆ์เขาปิดกันเพราะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ แล้วแกก็เปิดเผยว่าธัมมชโยเป็นลูกศิษย์แก เคยบวชให้ก็ต้องสนับสนุน นี่แง่หนึ่ง อีกแง่หนึ่งแกก็ naive (ไร้เดียงสา) ไม่เห็นโทษของธรรมกาย เห็นไหมตอนออกมาบิณฑบาตเดินบนดอกไม้ ยังบอกนุ่มตีนดี (หัวเราะ) ถ้าเทียบเรื่องมลทินแกก็ไม่เลวร้ายไปกว่าสมเด็จองค์อื่นๆหรอก

ข้อสำคัญคือ ฝ่ายมหานิกายเขาต่อสู้ว่าถ้าไม่ได้แกก็กลัวฝ่ายธรรมยุติกนิกายจะมา เพราะฝ่ายธรรมยุตเป็นสังฆราชนานเต็มทีแล้ว ตั้งแต่วัดราชบพิธ วัดมกุฎ วัดบวร มหานิกายเป็นประเดี๋ยวเดียวเอง อย่างสมเด็จเกี่ยวเป็นสังฆราชแป๊บเดียวก็ตาย ทีนี้เลยอยากให้มหานิกายขึ้นบ้าง มันเป็นเรื่องแบ่งพวกกันเท่านั้นเอง ไม่มีอะไร

ว่ากันว่าสมเด็จช่วงมีพาวเวอร์มากในมหาเถรสมาคม

ธรรมดา ก็ท่านเป็นประธานนี่ครับ พระเขาก็กลัว จะเอาเงินของพวกธรรมกายมาทำอะไรก็ได้ สามารถซื้อใครก็ได้

แต่ตามพ.ร.บ.คณะสงฆ์พ.ศ.2505 สมเด็จช่วงมีสิทธิอันชอบธรรมโดยสมณศักดิ์

ก็ต้องเป็นไปตามนั้น วิษณุ(เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี)เขาก็ออกมาพูดแล้วว่าคสช.ไม่ขัด คนที่ยับยั้งได้คือนายกรัฐมนตรี แต่คงไม่กล้า สุดท้ายก็คงเป็นสมเด็จช่วงนั่นแหละ

แต่ถ้าถามความเห็นผม ไม่ควรจะให้เป็นเลยสมเด็จช่วงเนี่ย (หัวเราะ) 

เป็นไปได้ไหมว่าอาจเว้นวรรคการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช แล้วไปแก้กฎหมายสงฆ์ก่อน

เป็นไปไม่ได้หรอกครับ มหาเถรสมาคมไม่ต้องการสูญเสียอำนาจ ประยุทธ์ก็ไม่กล้าแตะต้องเรื่องนี้ เมืองไทยมันเต็มไปด้วยคนแหยทั้งนั้น ไม่มีใครกล้าเลยสักคน การแก้กฎหมายนี่มันต้องใช้ความกล้า

ยกตัวอย่าง สฤษฎ์ (จอมพลสฤษฎ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 11 ผู้มีส่วนสำคัญในการออกกฎหมายพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 โดยเฉพาะการก่อตั้งมหาเถรสมาคมให้สงฆ์ปกครองกันเอง) เขาเป็นเผด็จการ เขายุบพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2484 ทิ้งเลย แล้วเอาฉบับใหม่มาใช้ เพราะเขาเด็ดขาด เป็นเผด็จการที่มีความกล้า แต่ประยุทธ์เป็นเผด็จการที่แหย มันผิดกัน

อีกอย่างคณะรัฐมนตรีนี้ไม่มีใครเข้าใจเรื่องคณะสงฆ์ ขณะที่สฤษฎ์เข้าใจเพราะมีหลวงวิจิตรวาทการเป็นมันสมอง หลวงวิจิตรวาทการแกเป็นคนร่างพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2484 แต่ดันกะล่อนเปลี่ยนมาเข้าพวกกับฝ่ายสฤษฎ์เลยยุบทิ้ง หลวงวิจิตรวาทการแกรู้เรื่องพระดี แกจบเปรียญ 5 ประโยค เปรียญ 6 ประโยค รัฐบาลนี้ไม่มีใครรู้เรื่องพระ

สมณศักดิ์ต่างๆจำเป็นแค่ไหน

เดิมทีสมัยก่อนเมื่อสิ้นสมเด็จพระสังฆราช กรรมการมหาเถรสมาคมจะปรึกษาหารือคัดเลือกสมเด็จพระราชาคณะที่อาวุโสสูงสุด ใครบวชพรรษาสูงสุดคนนั้นได้เป็นสังฆราช ต่อมาเบื่อก็เลยให้คนที่ได้สมณศักดิ์ก่อนใครขึ้นเป็นสังฆราชโดย Automatic เลย ไม่สนใจเรื่องพฤติกรรม

ผมเคยพูดกับอาจารย์ปรีดี (พนมยงค์ หนึ่งในคณะผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ผู้มีส่วนสำคัญในการออกพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2484)ว่า หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 มีการยกเลิกบรรดาศักดิ์ ขุน หลวง พระ พระยา เลิกหมดเลย แต่ดันไม่เลิกสมณศักดิ์ของพระ ตรงนี้ถือว่าผิดพลาด ไอ้สมณศักดิ์นี่มันทำให้พระเป็นศักดินา สมณศักดิ์เป็นสิ่งที่ต้องยกเลิก

มหาเถรสมาคมนี่ก็ต้องยุบทิ้ง ยกตัวอย่างกรณีลายพระหัตถ์สมเด็จพระสังฆราชชี้ชัดว่าธัมมชโยต้องอทินนาทานปาราชิก แล้วกรรมการมหาเถรสมาคมกลับไม่ทำตามมติสมเด็จพระสังฆราช โดยที่อ้างว่าเขาคืนเงินให้แล้ว เป็นอันหมดมลทิน นั่นเป็นเรื่องตะแบงพระวินัยอย่างชัดเจน แต่นี่ไม่ใช่คราวแรกที่มหาเถรสมาคมมีพฤติกรรมเช่นนี้ เช่น เมื่อคราว กิตฺติวุฒฺโฑภิกขุสั่งรถวอลโว่เข้ามาโดยไม่ยอมเสียภาษี นี่ก็เป็นอทินนาทานปาราชิกเช่นเดียวกัน คราวนั้นมหาเถรสมาคมก็ลงมติว่าเป็นนิสสัคคียปาจิตตีย์ และให้เอาเงินไปเสียภาษี เพื่อจบเรื่อง

กรณีธัมมชโยก็เช่นกัน อ้างว่าได้คืนเงินคืนทองไปแล้ว ยังสามารถคงความเป็นลัชชีไว้ได้ นี่เป็นตัวอย่างแห่งความอัปลักษณ์ของกรรมการมหาเถรสมาคม

"ถ้าสมเด็จช่วงขึ้นเป็นสังฆราช ธรรมกายจะเฟื่องฟู" ส.ศิวรักษ์


 ถ้าไม่มีมหาเถรสมาคม ไม่มีคณะปกครองโดยสงฆ์ด้วยกันเอง จะวุ่นวายไหม

ยกตัวอย่างพม่ามีพระมากกว่าเมืองไทย มีหลายนิกาย แต่ไม่มีมหาเถรสมาคม หลายอย่างพระพม่าก็แย่กว่าพระไทย หลายอย่างก็ดีกว่า พระพม่าเขาถือตามปรัมปราคติ ถือตามสายครูบาอาจารย์ พระที่ดีในเมืองไทยเหลืออยู่สายเดียวตอนนี้คือ สายอาจารย์ชา (พระโพธิญาณเถร หรือหลวงปู่ชา สุภทฺโท เจ้าอาวาสวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี) ท่านสอนให้ลูกศิษย์เข้มงวดกวดขันในพระธรรมวินัย สูบบุหรี่ก็ไม่ได้ จับเงินจับทองก็ไม่ได้

ผมเคยส่งพระไพศาล วิสาโล (เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ) ไปอยู่ที่ลอนดอน ตอนนั้นพระสุเมโธ (พระราชสุเมธาจารย์  อดีตเจ้าอาวาสวัดอมราวดีและวัดป่าจิตตวิเวก กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ) เป็นสมภาร ท่านบอกว่าพระไพศาลมาก็ได้ แต่ต้องเอาลูกศิษย์มาด้วย พระเดินทางคนเดียวจับเงินจับทองไม่ได้ เข้มงวดมาก หัวใจของพระพุทธศาสนาอยู่ตรงนี้

มหาเถรสมาคมจะทำอะไรได้ จับเงินจับทองกันทั้งนั้น

ที่ผ่านมา การแต่งตั้งพระสังฆราชอยู่ในความสนใจของประชาชนไหม

พูดตรงๆ ประชาชนไม่เคยสนใจเรื่องยศช้างขุนนางพระ ประชาชนเขาสนใจแต่พระข้างบ้านเขา เขาไม่สนใจพวกพระยศถาบรรดาศักดิ์ ยศถาบรรดาศักดิ์นี่เรื่องในวังทั้งนั้น มีคนพูดว่าศาสนากับพระมหามหากษัตริย์ต้องไปด้วยกัน ผมว่าเลอะ มันต้องแยกจากกัน

ยกตัวอย่างสวนโมกข์เก่าที่ท่านพุทธทาสเคยอยู่ เป็นวัดที่ติดกับหมู่บ้านมุสลิม มีเรื่องสมภารนอนกกผู้หญิง รุ่งเช้าชาวบ้านเอากางเกงไปถวายให้สึกเลย เพราะเขาเห็นว่าพระต้องบริสุทธิ์ แต่ตอนนี้ไม่มีใครสนใจแล้ว ชั่วช่างชีดีช่างสงฆ์ ใครก็ได้ หัวเมืองทางภาคอีสานนี่เยอะเลย สร้างวัดกันเยอะ แต่ไม่มีพระ ทำยังไงรู้ไหม เอาตาแก่อย่างผมมาบวช บางทียังอยู่กับเมียอยู่เลย ตกเย็นกินเหล้า เขาต้องการแค่คนมาทำบุญ ทำพิธีบังสุกุล เพราะเชื่อในรูปแบบ แต่ไม่เข้าใจสาระที่แท้จริงของศาสนาพุทธ

นายกฯมีอำนาจเข้ามาจัดการเรื่องนี้ไหม

ผมบอกคุณแล้ว ประยุทธ์เป็นคนแหย ตอนเกิดเรื่องธรรมกาย ทีแรกก็ทำท่าเข้มแข็ง ตั้งคณะกรรมการ เอา มโน(นพ.มโน เลาหวณิช อดีตพระที่มีบทบาทสูงในวัดพระธรรมกาย และอดีตกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ) มาด้วย มโนเคยเป็นเบอร์สามของธรรมกาย เขารู้ความชั่วร้ายสารพัด แต่ผ่านไปได้สักพักเดียวก็แหย เลิก อาจเป็นเพราะธรรมกายมีเงิน มีอำนาจเยอะ เขาก็คงกลัว ไม่กล้าสู้

มโนเขารู้เรื่องเยอะ สามารถทำให้ธรรมกายพังได้ไม่ยาก เพราะหนึ่ง สมเด็จพระสังฆราชมีพระลิขิตมาแล้วว่าธัมมชโยเป็นปาราชิก หมดความเป็นพระแล้ว ชัดเจน สอง คดีมันขึ้นไปถึงอัยการเตรียมสั่งฟ้องแล้ว แต่ภายหลังสั่งให้ถอนฟ้อง ทังที่มันผิดกฎหมาย แค่ทำตามรูปแบบธรรมกายก็พังแล้ว แต่ก็ไม่ทำ

อย่าลืมว่าประยุทธ์เขาเป็นเผด็จการ เผด็จการมีทั้งข้อดีข้อเสีย อาจารย์พุทธทาสเคยพูดว่า ‘เผด็จการโดยธรรม’ หมายถึงถ้าคุณกล้าตัดสินใจก็สั่งได้ทันทีเลย ความดีของเผด็จการมันอยู่ตรงนี้ คุณใช้อำนาจส่วนตัวสามารถทำให้ดีได้ แต่ส่วนมากมันเสียเพราะตรวจสอบไม่ได้ 

มีอะไรอยากฝากไปยังมหาเถรสมาคมไหม

มหาเถรสมาคมตอนนี้มันเหมือนไม้หลักปักขี้ควาย พูดกับมันไม่รู้เรื่อง แต่ละองค์ใหญ่ทั้งนั้น ยศ ช้าง ขุนนาง พระ มันหลง แถมเงินก็เยอะ

ถ้ารัฐบาลเก่งจริงก็ให้พระพวกนี้เปิดบัญชีทรัพย์สินให้หมดสิครับว่ามีเงินมากขนาดไหน และคนทำบุญกับพระก็เอาไปลดหย่อนภาษีได้ เท่านี้ก็สุุดยอดแล้ว คุณรู้รึเปล่าเงินเดือนพระเงินเดือนเท่าไหร่ เจ้าคุณได้เดือนละกี่หมื่น เมื่อก่อนถวายเงินพระกันเป็นของเล่นเลย 5 บาท 10 บาท เดี๋ยวนี้เป็นหมื่นๆ คนชิบหายก็เพราะพระพวกนี้ไม่น้อย เรื่องพวกนี้ควรจะเลิก เลิกแล้วพระไม่อดตายหรอก

พระธรรมเจดีย์ (กี มารชิโน) อดีตเจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ สมัยเป็นเจ้าคณะจังหวัดธนบุรี ท่านเคยประกาศว่าทุกวัดต้องตรวจสอบบัญชีได้หมด พระมีค่าตัวบาทเดียว โกงเงินเขาบาทเดียวก็หมดจากความเป็นพระแล้ว ตอนหลังมีการรวมฝั่งพระนครเข้ากับฝั่งธนบุรี พวกพระฝ่ายพระนครก็กลัว สุดท้ายเลยเล่นงานจนท่านจะหลุดจากตำแหน่ง

"ถ้าสมเด็จช่วงขึ้นเป็นสังฆราช ธรรมกายจะเฟื่องฟู" ส.ศิวรักษ์

ฝ่ายต่อต้านประกาศว่าถ้าตั้งสมเด็จช่วงขึ้นเป็นสังฆราช จะเดินขบวนปิดกรุงเทพฯ

พวกนี้คุยโม้ ทำไม่ได้หรอก แต่ถ้ารวมตัวกันนี่ทำได้นะ ยกตัวอย่างสมัยก่อน พระพิมลธรรม (สมเด็จพระพุฒาจารย์ อดีตผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช) เป็นพระภิกษุจากภาคอีสาน ตอนนั้นผู้คนยังรังเกียจคนอีสานที่ขึ้นมาเป็นใหญ่เป็นโต ท่านมีความเจริญก้าวหน้า เป็นสังฆมนตรีด้านการปกครองที่มีบทบาทในการส่งพระไทยไปเรียนที่พม่า ทั้งยังได้เดินทางไปยุโรปและนำแนวคิดใหม่ ๆ มาปรับปรุงการศึกษาของสงฆ์ให้ก้าวหน้า จึงเป็นที่ไม่พอใจของธรรมยุตและพระผู้ใหญ่บางรูปในมหานิกาย มีการร่วมมือกันต่างๆ จนนำไปสู่การใส่ร้ายว่าเป็นคอมมิวนิสต์

ท่านติดคุกอยู่ 5 ปี แต่ไม่ได้สึก นุ่งผ้าขาวแทน ระหว่างนั้นบรรดาพระภิกษุสามเณรและสาธุชนผู้เลื่อมใสนับพันคนต่างก็เชื่อมั่นว่า พระพิมลธรรมคือผู้บริสุทธิ์ จึงพากันยื่นจดหมายร้องขอความเป็นธรรมให้แก่ท่าน พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการพิจารณาคดีใหม่อยู่ตลอดเวลา จนต่อมาศาลตัดสินว่าท่านไม่มีความผิด จึงคืนตำแหน่งและสมณศักดิ์ให้ สุดท้ายท่านได้รับตำแหน่งสมเด็จพระพุฒาจารย์ รักษาการณ์สมเด็จพระสังฆราช ก่อนที่สมเด็จพระญาณสังวรจะขึ้นมาเป็นสังฆราช

แต่สำหรับพุทธะอิสระ ผมไม่รู้ว่าเขามีน้ำยาแค่ไหน

สุดท้ายคิดว่าการแต่งตั้งสังฆราชครั้งนี้จะยืดเยื้อไหม

ไม่หรอกครับ ประยุทธ์ต้องเป็นคนตัดสินใจ ซึ่งผมเชื่อว่าเขาคงจัดการให้มันเสร็จๆไป ทิ้งไว้จะยืดเยื้อมากกว่า ผมเดานะ อาจจะผิดก็ได้