posttoday

จากเด็กเลี้ยงควาย ...สู่นักธุรกิจอสังหาฯเงินล้าน

28 ธันวาคม 2558

"เรามาจากชีวิตที่ยากจน มันก็ผลักดันเรามากขึ้นว่าวันหนึ่งเราต้องรวย ต้องมีชีวิตที่ดีกว่า ซึ่งหากจะรวย เราก็อยู่แบบเดิมไม่ได้แล้ว"

โดย...สุภชาติ เล็บนาค

ชีวิตของ ถนอม ดีสร้อย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ-คอน เรียลเอสเตทและบริษัท เอกธุรกิจสินทรัพย์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้าง รวมถึงเป็น “นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ” นับว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก เมื่อเขาชวนนั่งจับเข่าคุยเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์โชกโชนที่ผ่านมา

ถนอมเป็นลูกคนที่ 5 จากพี่น้องทั้งหมด 7 คน ซึ่งทั้งหมดไม่มีใครเรียนหนังสือเกินชั้นประถม รวมถึงไม่มีต้นแบบอะไรจากครอบครัวมากไปกว่าการเลี้ยงควายและทำนา ที่ จ.พะเยา เท่านั้น

“เรามีอย่างเดียว คือ ‘วิทยุทรานซิสเตอร์’ ไม่ได้คิดไปไกลว่าจะได้เรียนต่อ พอเรามีโอกาสเรียน กศน. ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว แต่เราก็ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ภาควิชาการสื่อสารมวลชน คณะมนุษยศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่”

หลังเรียนจบ ถนอมตัดสินใจมาเป็นดีเจที่ จ.อุดรธานี กินเงินเดือนจากการจัดรายการวิทยุและนักข่าว เดือนละ 2 หมื่นบาท ก่อนจะค้นพบว่าต้องไปไกลกว่าการเป็นมนุษย์เงินเดือน

“เพราะเรามาจากชีวิตที่ยากจน มันก็ผลักดันเรามากขึ้นว่าวันหนึ่งเราต้องรวย ต้องมีชีวิตที่ดีกว่า ซึ่งหากจะรวย เราก็อยู่แบบเดิมไม่ได้แล้ว” ถนอมเล่าให้ฟัง

หลังจับพลัดจับผลูไปขายประกันชีวิตอยู่ 1 ปี ถนอมก็ค้นพบว่าคงไปไม่ได้ไกลกว่านี้เท่าไร กระทั่งตัดสินใจหิ้วกระเป๋าเข้ากรุงเทพฯ ไปพบญาติภรรยาที่ขายส่ง “ยกทรง” จึงได้ตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพเป็นเซลส์ขายยกทรง

“ผมผ่านการขายประกันมา ตอนทำวิทยุก็เคยขายสปอนเซอร์ ก็พบแล้วว่าการขายไม่ได้ยาก ด้วยความที่เรามนุษยสัมพันธ์ดี บางทีได้ยอดเป็น 100 โหล เดือนหนึ่งบางทีได้ถึง 3-4 หมื่นบาท แต่มันก็เป็นลูกจ้างเขาอยู่ดี  ไปทำธุรกิจเองดีกว่า” ถนอมเล่าให้ฟัง

ในที่สุดเขาก็เซ้งแผงเสื้อผ้าที่ตลาดโบ๊เบ๊ ซึ่งเขาฝันไว้ว่าขายส่งเสื้อผ้าจะต้องสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ หลังจากลงทุนสั่งจักรมาลงเป็น 10 ตัว นำผ้ามาตัดเอง ก็เกิดวิกฤตเมื่อค่าใช้จ่ายสูงกว่ายอดขายไปมาก จนหมุนเงินไม่ทัน พอรู้ตัวอีกทีก็เป็นหนี้เป็นสินมหาศาลแล้ว

“ผมหนีเจ้าหนี้อยู่ปีกว่า โทรศัพท์มาก็ไม่กล้ารับ แต่ก็ยังมีกำลังใจว่า เอาวะอย่างน้อยจบปริญญาตรี น่าจะมีอะไรสักอย่างที่เราทำได้บ้าง”

ในที่สุดถนอมก็ค้นพบว่ามีพี่ชายคนหนึ่งเป็นกรรมกรรับเหมาก่อสร้างหลังคา เมื่อเขาไปนั่งคุยด้วยก็ลองหยิบแบบขึ้นมาดูว่าวิธีดูเหล็กดูอย่างไร ตัวเลขหมายถึงอะไรบ้าง เขาก็ชวนพี่ชายมาทำรับเหมาก่อสร้าง ทั้งที่ไม่มีความรู้อะไรมาก่อน

“ผมมีทักษะการขาย ก็เอารถกระบะเก่าๆ ขับตระเวน ตอนแรกก็เชื่อมหลังคาอย่างเดียว จนไปได้งานหลังคาทาวน์เฮาส์ แล้วก็เขยิบไปทำเป็นโครงจั่วหลังคาโรงงานให้พออยู่ได้ แต่ยังห่างไกลจากคำว่ารวย”

จากเด็กเลี้ยงควาย ...สู่นักธุรกิจอสังหาฯเงินล้าน

ในช่วงวิกฤต “ต้มยำกุ้ง” ที่ผู้รับเหมาหลายคนเริ่มร่อแร่ ถนอมกลับได้โอกาสให้รับเหมาสร้างอาคารโกดังโรงงาน ทั้งที่ไม่เคยมีประสบการณ์อื่นเลย นอกจากการทำหลังคา เนื่องจากผู้รับเหมาเดิมทิ้งงาน

“ผมสารภาพว่าทำไม่เป็นสักอย่างแต่จะลองดู ปรากฏว่าก่ออิฐเบี้ยวหมดเลย (หัวเราะ) แต่เขาก็ให้โอกาส พอสร้างงานนี้ได้ เราก็เริ่มเขยิบไปงานใหญ่ขึ้น ไปรับเหมาสร้างบ้านจัดสรรบ้าง บ้านเดี่ยวบ้าง”

ในที่สุดถนอมก็เปิดบริษัทของตัวเองแต่กำไรจากงานก่อสร้างก็ไม่ได้งอกงามขนาดนั้น

“จุดแข็งของเราคือเรารู้เรื่องก่อสร้าง ซึ่งหมายความว่าเราก่อสร้างได้ประหยัดกว่าคนอื่น พอเก็บเงินได้สักพัก ก็สร้างโกดัง-บ้านพักให้ลูกน้อง วางแผนทำเป็นโรงงานเล็กๆ แต่ก็ไปไม่ถึงไหน เลยประกาศขายดีกว่ากลายเป็นว่าจากที่ลงทุน 2 ล้านบาท แต่เมื่อเขาตั้งราคา 4.9 ล้านบาท กลับขายได้ทันที”

“แต่ปัญหาคือคนที่มาซื้อติดแบล็กลิสต์ ผ่อนแบงก์ไม่ได้ สุดท้ายเราก็เป็นแบงก์เอง คือให้เขามาผ่อนกับผมแทน แต่ดอกเบี้ยเท่าแบงก์นะ ในที่สุดเราก็ได้ดอกเบี้ยทบต้นทบดอก นี่คือสิ่งที่เราเรียนรู้”

หลังจากได้กำไรในระดับที่พออยู่ได้ ถนอมก็ทำธุรกิจทั้งรับเหมาก่อสร้างและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เต็มรูปแบบ รวมถึงเริ่มลงทุนในธุรกิจที่เขาคิดว่าจะมีรายรับมั่นคง อย่างการสร้างอพาร์ตเมนต์

“ผมไปซื้อที่ดินแถวดอนเมือง ออกแบบเอง-สร้างเอง ตั้งใจไว้ว่าเป็นรายรับประจำของเรา ปรากฏว่าพอสร้างเสร็จใช้เงิน 5 ล้านบาท มีคนมาขอซื้อทันทีที่ 11 ล้านบาท เราก็ขายทันที เพราะเราคิดว่าโอกาสมาถึงแล้ว”

หลังจากนั้น ถนอมก็ยึดอาชีพนักธุรกิจรวมถึงทำรับเหมาก่อสร้างเต็มรูปแบบ และยังเป็นเจ้าของ “แพรววิดี อพาร์ทเมนท์” ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิอีกด้วย

ปีที่แล้วเขาเพิ่งเริ่มงานใหม่ด้วยการเขียนหนังสือ “ชวนคุณรวยด้วยอสังหาฯ โดยใช้เงินคนอื่น” และเปิดคอร์ส “ชวนคุณรวยฯ” ที่จัดขึ้นทั่วประเทศเป็นรุ่นที่ 9 แล้ว

ถามว่าทำไมต้องชวนรวย “ด้วยเงินคนอื่น” ถนอมบอกว่า คนรวยทุกคน ที่ไม่ได้รวยจากมรดก ล้วนเริ่มต้นจากความคิด ก่อนจะไประดมทุนจากคนที่มีเงินมาลงทุนเพิ่มเติมเพื่อสร้างสินทรัพย์

“ถ้าไม่มีเงินคนอื่น เราจะมีคนที่มีบ้านน้อยมาก เพราะการลงทุนมันต้องใช้เงินคนอื่นทั้งนั้น ประเทศไทยจะสร้างรถไฟฟ้า ก็ไปกู้เงินญี่ปุ่น บ้านขายออกคนก็ต้องไปกู้แบงก์ ซึ่งก็คือเงินคนอื่น เงินคนอื่นนี่ล่ะที่ทำให้คนก้าวหน้า ไม่งั้นบ้านก็ยังมุงจากกันหมด” ถนอมเล่าให้ฟัง

ในมุมมองของถนอม เขาพูดถึงนิยามคำว่า “แรงบันดาลใจ” ว่าคืออำนาจพิเศษที่อยู่ในตัวมนุษย์ มีไว้สำหรับขับเคลื่อนความคิด-การทำงานให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ

ถนอมยึดหลัก 3 ข้อ ในการสร้างแรงบันดาลใจ คือ DBA มาจาก Dream ต้องมีความฝัน และความทะเยอทะยานที่จะบรรลุเป้าหมาย Believe ความเชื่อมั่นในตัวเอง และ Action การตัดสินใจลงมือทำตาม
เป้าหมายที่วางไว้

“แรงบันดาลใจของเราคือต้องการ เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คน เพราะสิ่งที่ทำให้ยืนหยัดได้ในช่วงที่เราลำบาก คือ การเรียนรู้ และจากการเรียนรู้ก็พบว่ายิ่งเราล้มเหลว คือเรายิ่งใกล้ประสบความสำเร็จขึ้น ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทรงคุณค่าและน่าจะบอกต่อให้คนอื่นได้รับรู้ต่อ”

ส่วนปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้าอยู่ขนาดนี้ จนหลายคนกลัวไม่กล้าลงทุนอะไร แต่ถนอมกลับย้ำว่าในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีเช่นนี้ มีเศรษฐีที่เกิดขึ้นมากมาย และในช่วงที่เศรษฐกิจดีมากๆ นั้น ก็มีคนเจ๊ง-คนล้มเหลว มากมายเช่นเดียวกัน

“เพราะฉะนั้น เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือตัวคุณเป็นอย่างไรและเป้าหมายคืออะไรมากกว่า ถ้ายังไม่พอใจก็ลองหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ขึ้น เพราะทุกวันนี้มีช่องทางให้คนประสบความสำเร็จเยอะมาก ขอเพียงแต่หาความรู้อย่างต่อเนื่องเท่านั้น” ถนอมทิ้งท้าย