posttoday

"ปวาล ชมภูรัตน์" โฮมสเตย์ไทยในญี่ปุ่น เพื่อคนไทย & ความฝันที่ไม่หยุดนิ่ง

02 ธันวาคม 2558

"ตั้งใจทำที่พักราคาถูกเพื่อคนไทย โดยคนไทย ซึ่งถือว่ายังไม่ค่อยมีในญี่ปุ่นนัก อยากให้ลูกค้าคิดว่าอยู่บ้าน"

โดย...บงกชรัตน์ สร้อยทอง

“ญี่ปุ่น” หลายคนหลงรักในประเทศนี้และอยากจะไปเที่ยวอีก ในอีกมุมหนึ่งของคนไทยที่ไปอยู่ต่างแดนไกลบ้านในประเทศที่คนอยากไป บางคนอาจมองเป็นเรื่องยาก ทว่าก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปที่คนเราจะต้องปรับตัว

“ปวาล ชมภูรัตน์” หรือ “เต้” หนุ่มเชียงใหม่ ปัจจุบันอายุ 35 ปี ที่โยกย้ายมาอยู่จังหวัดไซตามะ กับภรรยาและลูกชาย 8 ขวบ ได้ 8 ปีแล้ว ที่เขาต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เพื่อดูแลครอบครัว เริ่มทำงานที่โรงงานที่พ่อตาทำอยู่ แต่เมื่อคุณพ่อเกษียณ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เขารู้สึกอิ่มตัวกับงาน แต่ระหว่างนั้นก็ไม่เคยละความฝันตัวเองเลยว่า สักวันเขาต้องมีธุรกิจของตัวเองสักอย่าง 

เขาค่อยๆ ก่อร่างสร้างฝันด้วยการหาสินค้า อะไหล่ หมวกกันน็อก หรือพวกเครื่องแต่งกายของรถบิ๊กไบค์ในญี่ปุ่นส่งกลับไปให้ลูกค้าคนไทย จนตอนนี้มีเว็บไซต์และเว็บเพจของตัวเองชื่อว่า www.facebook.com/Bikumono หรือ www.bikumono.com
และกำลังจะต่อยอดและพัฒนาเริ่มทำเว็บช็อปปิ้งออนไลน์อย่างจริงจัง

"ปวาล ชมภูรัตน์" โฮมสเตย์ไทยในญี่ปุ่น เพื่อคนไทย & ความฝันที่ไม่หยุดนิ่ง

จากนั้นเขาลุกขึ้นมาทำเกสต์เฮาส์กึ่งโฮมสเตย์สำหรับคนไทยที่มาเที่ยวญี่ปุ่น ที่เมืองโอมิยะ เมืองหลวงของจังหวัดไซตามะ ชื่อ “TouchThai Guesthouse” เพิ่งเปิดให้บริการ 1 ปี ด้วยเงินลงทุนที่เขาเก็บเอาไว้แทบจะทั้งหมดกว่า 3 ล้านเยน หรือประมาณ 9 แสนบาท

วางคอนเซ็ปต์หลักไว้คือ เป็นตัวกลางหรือสถานที่แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างไทยกับญี่ปุ่น โดยให้ทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจกันและกัน ด้วยการแนะนำให้คนญี่ปุ่นรู้จักคนไทยจากวัฒนธรรมไทย ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวไทยมาเที่ยวญี่ปุ่นได้อย่างไม่ผิดวัฒนธรรมญี่ปุ่น

ที่สำคัญคือ ตั้งใจทำที่พักราคาถูกเพื่อคนไทย โดยคนไทย ซึ่งถือว่ายังไม่ค่อยมีในญี่ปุ่นนัก อยากให้ลูกค้าคิดว่าอยู่บ้าน มีความสะดวกสบาย เป็นอิสระ ไม่เข้มงวดเหมือนที่พักทั่วไป พร้อมกับให้คำแนะนำข้อมูลเรื่องการเดินทางไปท่องเที่ยวต่างๆ ด้วย และถ้าใครไม่ถนัดอาจเป็นไกด์ให้ชั่วคราว เนื่องจากตอนนี้คนไทยก็นิยมมาเที่ยวที่ญี่ปุ่นด้วยตัวเองมากขึ้น

แม้ที่นี่จะเป็นเหมือนบ้านของคนไทยก็ไม่อยากให้ทิ้งความเป็นญี่ปุ่นด้วย จึงมีการผสมผสานกันระหว่างการตกแต่งทั้งแบบสไตล์ไทยและญี่ปุ่น โดยใช้ที่นอนแบบฟูกญี่ปุ่นเหมือนคนญี่ปุ่นที่ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยรวมจะทำให้แขกที่มาพักรู้สึกว่าตัวเองมีบ้านอยู่ในญี่ปุ่นเลย

"ปวาล ชมภูรัตน์" โฮมสเตย์ไทยในญี่ปุ่น เพื่อคนไทย & ความฝันที่ไม่หยุดนิ่ง

สำหรับเรื่องที่พักปัจจุบันมีทั้งหมด 3 ห้องนอน 1 ห้องรับแขก 1 ห้องน้ำ และ 1 ห้องอาบน้ำ โดยค่าที่พักจะคิดเฉลี่ยอยู่ที่ 2,500 เยน (โลว์ซีซั่น) หรือ 750 บาท/คน/คืน ส่วนฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) อยู่ที่ 3,250 เยน หรือ 975 บาท/คน/คืน แต่ถ้ามาพักมากกว่า 4 คืน ก็ถูกลงไปอีก ปัจจุบันมีผู้สามารถมาพักได้สูงสุดทั้งหมด 10 คน โดยลูกค้าที่เดินทางมาพักปัจจุบัน 60% มาจากเฟซบุ๊ก และ 40% มาจากคนรู้จัก

นอกจากนั้น ตอนนี้เขายังได้สอนการทำอาหารไทยไปด้วย แต่เป็นอาหารทางเหนือเพราะเขาเป็นคนเชียงใหม่ และคนญี่ปุ่นเองก็มีความคุ้นเคยกับอาหารเหนือไม่น้อย เพราะปัจจุบันคนญี่ปุ่นก็ชอบมาเที่ยวและพักเชียงใหม่ระยะยาวไม่น้อย และผลที่ได้ก็คือ เขาได้ช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมไทยไปในตัวด้วย ปัจจุบันมีทั้งหมด 10 เมนู เช่น ข้าวซอย แกงฮังเล ข้าวมันไก่ ค่าเรียน คนละ 6,500 เยน ถ้า 2 คน คิด 1.2 หมื่นเยน

เจ้าของธุรกิจหนุ่มอยากแนะนำเมือง โอมิยะว่า จริงๆ สามารถเป็นทางเลือกของคนไทย เพราะโอมิยะเป็นเมืองใหญ่ไม่แพ้โตเกียว เป็นจุดกึ่งกลางที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวไทยที่ไม่นิยมเที่ยวในเมืองหลวงอย่างโตเกียว แต่ก็ไม่อยากอยู่ไกลโตเกียว ที่สำคัญยังมีร้านค้าช็อปปิ้งที่คนไทยชอบเหมือนที่โตเกียวทั้งหมด โดยไม่ต้องไปเบียดกันในโตเกียว แถมค่าครองชีพยังถูกกว่าโตเกียว มีรถไฟชินคันเซ็นจอดและไม่ไกลจากโตเกียว เพียงนั่งรถไฟ 37 นาที ก็สามารถเข้าไปในชินจูกุ

นอกจากนั้น ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญให้ได้ท่องเที่ยวอีก เช่น ศาลเจ้าฮิคาว่า ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น มีสวนสาธารณะโอมิยะเมื่อตอนซากุระบานแล้วจะสวยมาก และยังเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินทางไปเที่ยวที่ต่างๆ เช่น นิกโกะ นากาโน่ คาวาโกเอะ

อย่างไรก็ดี ความฝันของผู้ชายคนนี้ยังขยายต่อไป โดยปีหน้าเขาตั้งใจจะขยายโฮมสเตย์ในไซตามะอีก 2 แห่ง คือ เมืองฮานโนะ อยู่บนเขา ซึ่งเหมาะกับการเดินป่า ปั่นจักรยาน และแคมปิ้ง อีกทั้งยังมีออนเซ็นอีก อีกแห่งก็คือที่เมืองคาวากูจิ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสชีวิตประจำวันของคนญี่ปุ่น และสอนอาหารญี่ปุ่นโดยคนญี่ปุ่นให้แก่คนไทย

"ปวาล ชมภูรัตน์" โฮมสเตย์ไทยในญี่ปุ่น เพื่อคนไทย & ความฝันที่ไม่หยุดนิ่ง

อุปสรรคของการทำโฮมสเตย์ที่นี่คือ แค่ 1 ปี ยังไม่มีลูกค้าติด และการใช้ชีวิตหรือการทำงานในประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่ใช้เงินลงทุนสูง เงินที่สะสมมาก็ต้องใช้บริหารจัดการมากมาย ทำให้ต้องขยันทำงานอื่นเพิ่ม เช่น ทำงานพาร์ตไทม์ตอนกลางคืนในร้านอาหาร เพื่อให้ได้เงินและเก็บประสบการณ์ฝึกฝีมือ เรียนรู้วิธีการทำงานในร้านอาหารไปด้วย เนื่องจากต้องเข้าใจธรรมชาติในงานเชิงท่องเที่ยวว่ามีฤดูกาล เพราะช่วงที่ลูกค้าเยอะก็จะเข้ามาทีเดียว แต่บางช่วงก็จะไม่มีเลย เขาจึงไม่เกี่ยงทำงานในชีวิตประจำวันเพื่อให้ได้เงินสะสมมา เช่น แจกใบปลิว แจกทิชชู่ ทำความสะอาด ทำทุกอย่างที่สามารถดูแลครอบครัวที่เขารัก ควบคู่กับความฝันในการเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในต่างแดนให้สามารถเดินควบคู่ไปกันได้ 

เขาทิ้งท้ายว่า ทุกวันนี้เขาภูมิใจที่ได้ลงมือลงแรงกับการทำโฮมสเตย์ด้วยตัวเองทุกอย่าง ทั้งตกแต่งสถานที่ ทาสี ซื้อของตกแต่งจากบ้านถวายเชียงใหม่ จากเชียงใหม่ ทุกวันนี้ดีใจที่สามารถทำเพื่อครอบครัวและความฝันของตัวเองได้ โดยมีกำลังใจสำคัญจากครอบครัว และหวังว่าความตั้งใจนี้จะทำให้ธุรกิจของเขาสามารถอยู่รอดได้ด้วยมือและด้วยแรงของตัวเอง