posttoday

"ต่อให้ชีวิตดราม่าก็จะไม่ร้องไห้ให้ใครเห็น" แน๊ต-เกศริน ชัยเฉลิมพล

19 พฤศจิกายน 2558

การหวนคืนสู่วงการบันเทิงอีกครั้งของ แน๊ต-เกศริน ชัยเฉลิมพล อดีตเซ็กซ์บอมบ์ผู้อื้อฉาว

เรื่อง...วรรณโชค ไชยสะอาด  / ภาพ...กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร

จะเรียกเธอว่าเซ็กซ์บอมบ์ นางแบบนู้ด หรือดาวโป๊ อะไรก็ตามแต่ ปฏิเสธไม่ได้ว่าชื่อของ แน๊ต-เกศริน ชัยเฉลิมพล เคยตกเป็นทอล์ก ออฟ เดอะดาวน์ของสังคมไทยเมื่อ 10 ปีที่แล้ว หลังจากแผ่นหนังเรทเอ็กซ์อันอื้อฉาวของเธอถูกพูดถึงอย่างครึกโครม

กระแสสังคมประเดประดังถาโถมเข้าใส่ "น้องแน๊ต" อย่างตั้งตัวไม่ทัน บ้างก่นด่า บ้างประณามอย่างเอาเป็นเอาตาย จนอาจกล่าวได้ว่าช่วงเวลา ณ ขณะนั้น ถือเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต

วันนี้ แน๊ต เกศริน กลับมาปรากฎตัวต่อสาธารณชนอีกครั้ง พร้อมผลงานนางเอกมิวสิควีดีโอ นับเป็นการหวนคืนสู่วงการบันเทิงหลังจากหายหน้าหายตาไปนานนับสิบปี

หายหน้าหายตาไปไหนมา

จริงๆไม่ได้หายไปไหนนะ รับงานตลอด แต่น้อยลงเพราะเรียนอยู่ที่คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทิร์น เชียงใหม่ อีกอย่างเราไม่ได้เล่นโซเชียลด้วย เลยกลายเป็นว่าคนไม่เห็นแน๊ต สุดท้ายต้องกลับมาเล่น ผลตอบรับดีมาก ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ยังไม่มีสื่อสังคมให้กับนักข่าวหรือแฟนคลับได้ติดตาม

กลับมาครั้งนี้ก็เครียดนิดหน่อย กังวลเรื่องที่ว่าจะกลับมาดีไหม เพราะชื่อเสียงเราก็ห่างหายไปนานแล้ว จะปลุกกระแสได้อีกไหม สุดท้ายก็คิดว่าเมื่อเราต้องทำงาน หาเลี้ยงครอบครัว เลี้ยงแม่ที่ไม่สบายก็ต้องกลับมา เรารักงานตรงนี้ รักมาแบบต่อเนื่อง รู้สึกว่าอยู่ตรงนี้แล้วรุ่ง ถ้าไปทำงานอื่น รู้สึกว่าไปไม่รุ่ง

เล่าถึงชีวิตก่อนเข้าวงการบันเทิงให้ฟังหน่อย

แน๊ตเกิดที่สระบุรี พ่อแม่เลิกกันตั้งแต่อายุได้ 2 ขวบ ย่าก็เอาเราไปเลี้ยงต่อที่พิษณุโลก ส่วนพ่อก็ยังเป็นทหารอยู่ที่สระบุรี ไปๆมาๆจนกระทั่งมาเสียตอนอายุ 8-9 ขวบ ส่วนแม่ไม่เคยเจอกันเลย 28 ปี เพิ่งออกตามหาจนเจอเมื่อ 3 ปีก่อน   

สมัยเด็กๆตอนอยู่พิษณุโลก อายุ 14 ก็ออกจากบ้าน เพราะไม่ชอบเรียนหนังสือ เรียนกศน.ก็ไม่จบ อาเลยส่งไปเรียนวิชาชีพเสริมสวย เรียนจนจบก็ไปเป็นลูกจ้างเขา สักพักเริ่มไม่อยากอยู่ อยากออกไปหาสิ่งแปลกใหม่ เลยตัดสินใจมากรุงเทพฯตอนอายุ 16 พร้อมกับ 3 หมื่นบาท ไม่รู้จักใครเลย สักพักได้รู้จักกับรุ่นพี่ เขาก็พาไปเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารของเพื่อนย่านพัฒนาการ ต่อมาก็ไปเห็นป้ายประกาศรับสมัครนักแสดงตัวประกอบ ก็เลยไปลองแคสดู จนได้ไปเป็นเอ็กซ์ตร้าเรื่องเมืองมายา ต่อด้วยเรื่องนั่นเรื่องนี้อีกหลายเรื่อง จนหักเหมาเป็นนางแบบ

แล้วเข้าสู่แวดวงโป๊ๆเปลือยๆได้ยังไง

ตอนนั้นเราไม่ได้อยู่โมเดลลิ่งไหน สามารถรับได้ทุกงาน เลยถูกชักชวนเข้าไป ไม่ทราบมาก่อนว่างานประเภทนี้มันผิดกฎหมาย เรามันแค่เด็กบ้านนอกคอกนาคนหนึ่ง จะรู้อะไรมากมายเกี่ยวกับสังคมในเมือง หรือในวงการอะไรเเบบนี้ ตอนนั้นอายุเเค่ 17 เอง อีกอย่างงานตรงนี้มันไม่ได้อยู่ในเมืองไทย ถ้าอยู่เมืองไทย เราไม่กล้าทำอยู่เเล้ว เเต่นี่ถ่ายในเมืองนอกแต่ไทยดันไปเห็น เลยเกิดเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมา

"ต่อให้ชีวิตดราม่าก็จะไม่ร้องไห้ให้ใครเห็น" แน๊ต-เกศริน ชัยเฉลิมพล

ตอนที่ตกเป็นข่าวฉาวไปทั่วประเทศ รู้สึกยังไง

จำไม่ได้แล้ว แน๊ตไม่ใช่คนประเภทที่ว่าทำอะไรเเล้วอายคน ถ้าคิดจะทำเเล้วอาย อย่าทำ เการทำงานตรงนั้นยอมรับว่าเราตัดสินใจผิด เพราะคิดแค่ว่าเป็นงานที่อยู่เมืองนอกไม่ใช่เมืองไทย พอเกิดเรื่อง เราก็ยืดอกรับ ผิดก็ว่าไปตามผิด แน๊ตไม่เคยหนี  ช่วงนั้นเราผ่านมาได้เพราะกำลังใจ ทุกอย่างต้องใช้กำลังใจ กำลังใจจากตัวเองนะไม่ใช่จากคนอื่น ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเองล้วนๆ เวลาเกิดปัญหาเราให้กำลังใจตัวเอง ยืนหยัดสู้กับความจริง ช่วงเวลานั้นไม่มีใครมายืนคู่กับเราอยู่เเล้ว แน๊ตยืนหยัดสู้ด้วยตัวเองมาตลอด 

ช่วงนั้นรู้สึกกดดันไหมกับกระแสสังคม

ไม่เลย (ตอบเร็ว) เฉยๆ เป็นคนไม่แคร์คนอื่น นิสัยค่อนข้างฝรั่ง โตมาด้วยตัวเอง เลือกแล้วก็ยอมรับกับสิ่งที่เลือก ทำอะไรแล้วก็กล้ายอมรับ ไม่ใช่คนที่ไม่ยอมรับความจริง นิสัยแมนๆ ตรง ฉะ เล่นก็เล่นเลย วันนั้นอายุ 17-18 วันนี้ขึ้นเลข 3 แล้วก็ยังคิดเหมือนเดิม แคร์เฉพาะคนที่รักเรา ใครไม่รักก็ไม่แคร์ ไม่สนใจ ถือคติว่า ไม่ได้ขอใครกิน

ได้ทัศนคติแบบนี้มาจากไหน

อาจเป็นเพราะโตมาด้วยตัวเอง เลยทำให้รู้สึกตลอดว่า ชีวิตต้องสู้ ฉะนั้นเลยไม่แคร์สายตาใคร ใช้ชีวิตประจำวันของเราไปปกติ คนมองก็ยังดีกว่าไม่มอง ถ้าเดินแล้วคนไม่มองก็ควรพิจารณาตัวเอง

แต่สังคมเรามีข้อบกพร่อง คือด้อยพัฒนาความคิด ถ้ารู้จักพัฒนาตนเอง พัฒนาความคิด หลายคนคงไม่มีทัศนคติอะไรที่มันโบราณ หรือพวกปากอย่างใจอย่างชอบเที่ยวว่าคนโน้นคนนี้ไม่ดี แต่ตัวเองก็เที่ยวไปเปิดดูสิ่งที่ตัวเองบอกว่าไม่ดี คุณด่าคนอื่น ขอให้ย้อนดูตัวคุณด้วยสิ ดีจริงหรือเปล่า ไม่ได้บอกว่าดูแบบนั้น แล้วไม่ดีนะ แต่ไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์หรือเปล่า ในเมื่อตัวเองก็ดูหนังโป๊

รายได้เข้ามาเยอะไหมตอนตัดสินใจรับเล่นหนังเรทเอ็กซ์

การเป็นนักแสดงที่ไม่มีชื่อเสียงหรือดังเปรี้ยงปร้างมาก่อน ค่าตัวไม่ได้เยอะอะไรเลย สำหรับนางแบบโนเนมมาจากบ้านนอกถือว่าเยอะ แต่อย่าไปพูดเลยว่าเท่าไหร่ เราเป็นแค่นักแสดงโนเนม คนดูชอบตรงความใส ความเด็กของเรา 

ย้อนกลับไปมองอดีตคิดว่าคุ้มไหมกับสิ่งที่เลือก

อย่ามองว่าคุ้มไม่คุ้มดีกว่า มองว่าเป็นอาชีพที่เราเลือก ทุกงานที่แน๊ตเลือก แน๊ตรักในสิ่งที่ตัวเองเลือก

ย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อนที่เลือกทางนั้น เพราะเราไม่คิด ไม่คิดหรอกว่าจะมีชื่อเสียงหรือจะโด่งดัง เด็กอายุแค่นั้น มันจะคิดอะไรได้ อย่าลืมว่าเราโตมาด้วยตัวเอง พ่อแม่แยกทางกัน ไม่มีใครสอน ไม่มีใครดูแล ไม่มีใครบอกอันนี้ดี อันนี้ไม่ดี ออกจากบ้านตั้งแต่อายุ 14 ประสบการณ์ทั้งหมดจนถึงป่านนี้โตมาด้วยตัวเอง ถามหน่อยว่า เด็กอายุ 14 อยู่แค่ ม.1 ม.2 คิดอะไรได้ พวกว่าที่ไปดุด่าเด็ก บอกเรื่องแค่นี้คิดไม่ได้ ถ้าไม่รู้พื้นฐานชีวิตเขาดี อย่าเพิ่งไปด่าเลย

"ต่อให้ชีวิตดราม่าก็จะไม่ร้องไห้ให้ใครเห็น" แน๊ต-เกศริน ชัยเฉลิมพล

ด้วยภาพลักษณ์แบบนี้ มีหนุ่มๆเข้าหาเยอะไหม

ตอนนี้มีคนมาชอบเยอะ แต่ยังไม่ได้คบใคร รวยมากก็มี ต่างประเทศก็มี ไทยก็มี พวกระดับท็อปๆของไทยก็เยอะ แต่เราเป็นผู้หญิงที่คุยได้ สนุกได้ แต่จะคบกับใครจริงๆจังๆยากนะ คบใครใช้เวลา ไม่มีพวกมายื่นข้อเสนออะไรอย่างนั้นหรอก ส่วนใหญ่ที่เข้ามาให้เกียรติเรา และขอคบเป็นแฟนเลยด้วยซ้ำ แต่แน๊ตเล่นตัว บอกตรงๆ วันนี้เล่นตัวมาก ขนาดมีคนขอไปเป็นภรรยาเลย เรายังเล่นตัว (หัวเราะ)

แน๊ตเคยมีครอบครัวแต่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เป็นคนขอแยกอยู่เอง เขาเป็นชาวต่างชาติ คนอเมริกัน เราไม่พร้อมที่จะอยู่กับเขาทั้งที่เขาเป็นคนดีมาก ตอนนี้เหมือนเลิกกันนั่นแหละ ไม่ได้รักเขาแล้ว แต่คุยกันบ้าง

เรื่องทัศนคติ มุมมองหลายอย่าง เขาเข้าใจเราทุกอย่างแต่เราเองกลับไม่ค่อยเข้าใจเขา เราอยากทำงาน ส่วนเขาอยากอยู่กันแบบครอบครัว เลยบอกไปว่า คุณอยู่ดูแลแม่คุณดีกว่า ส่วนฉันขอทำงาน ถึงวันนี้เลยแยกกันอยู่มา 2 ปีกว่าแล้ว จดทะเบียนสมรสกันด้วย ขอเขาหย่าแต่ไม่เขาไม่ยอม ไม่รู้จะยื้อไว้ทำไม เราบอกเสมอว่า คุณควรจะไปหาคนที่ดูแลคุณได้ดีกว่า แต่เขาก็ไม่ยอม

ผลงานในอดีตของเราถือเป็นอุปสรรคไหม

ไม่ ไม่ ไม่ (ตอบเสียงดังฟังชัด) ผู้ชายที่เข้ามาหาบอกเราว่า ผมไม่ได้สนใจว่าที่ผ่านมาคุณทำอะไร แต่ชอบคุณ ณ ตอนนี้ที่คุณเป็น ถ้าคบไปแล้วคุณไม่ได้เป็นเหมือนที่คุณเป็นอยู่ ผมก็ไม่เอา ผู้ชายเขารู้ เข้าไม่ได้โง่ รู้ว่าใครจริงใจ ใครตอแหล

ตัวตนที่แท้จริงของ แน๊ต เกศริน เป็นอย่างไร

เป็นคนจริงจัง ค่อนข้างจริงจังกับชีวิต ทำอะไร ทำจริง แต่นอกเหนือจากการทำงานก็สนุกสนานเฮฮา รักใครรักจริง ถ้าไม่รัก ไม่เอาเลย โดยเนื้อแท้เราเป็นคนเอื้ออาทรนะ แต่คนบางคนอาจจะมองว่าเราแรง เพราะไม่ค่อยยุ่งกับใครก่อน เป็นคนตรงไปตรงมา

แน๊ตเป็นคนไม่บ้าบีบน้ำตา ต่อให้ชีวิตดราม่าขนาดไหน คิดว่าน้ำตาไม่จำเป็นต้องเอาออกมาให้ใครเห็น ไม่ควรแสดงความอ่อนแอให้ใครรู้ อ่อนแอได้ แต่ไม่ใช่พร่ำเพรื่อ เพราะน้ำตาที่ไหลออกมาทุกครั้ง ไม่ใช่จะเรียกการยอมรับจากสังคมได้ แน๊ตถูกสอนมาว่า ให้มีความอดทน จะร้องไห้ ร้องคนเดียว น้ำตามีค่ามาก หลั่งออกมาบ่อยๆ ทำให้เห็นว่าคุณเป็นคนอ่อนแอ พ่อสอนก่อนเสียว่า เป็นลูกทหารห้ามร้องไห้ให้ใครเห็น ต้องมีความอดทน ถ้าร้องไห้แล้วคนจะรังแก จะกลายเป็นคนอ่อนแอ ความเข้มแข็งเท่านั้นที่จะทำให้เราเป็นคนที่มีที่จุดยืนในสังคม

ผู้ชายในอุดมคติของคุณเป็นแบบไหน

แน๊ตชอบเขาวัด อย่างน้อยขอให้คุณเข้าวัดได้ ปฎิบัติธรรมกับฉันได้ก็โอเค ที่สำคัญแน๊ตชอบคนเสมอต้นเสมอปลาย มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ เราเป็นคนจริงจังกับชีวิต เพราะฉะนั้น คนที่มาเล่นๆ แน๊ตไม่เอา หรือป๋ามา อวดรวยมาก็ไม่เอานะ คนพวกนี้ มีเงินแล้วหาไปเรื่อย

ส่วนตัวแน๊ตไม่ใช่คนบ้าเซ็กส์นะ ชอบปรนนิบัติ ดูแลสามีมากกว่า เรื่องเซ็กส์เป็นเรื่องรอง คนที่จะมาอยู่กับแน๊ตได้ ต้องเป็นผู้ใหญ่ จะมาเป็นเด็กวัยรุ่นหรือวัยกลางคน 30-40 ก็ไม่ได้ คนพวกนี้คนอยู่ในช่วงตั้งตัวผู้หญิงเยอะ แต่เราชอบพวกอายุ 50-60 ชอบพวกนี้มากกว่า ไม่ค่อยมาคิดเรื่องเซ็กส์แล้ว ชอบหาคนที่ดูแล คุยกันรู้เรื่อง พูดภาษาเดียวกัน รู้สึกต้องการคนแบบนี้  เพราะชีวิตเราไอ้เรื่องพวกนั้นเราผ่านประสบการณ์มาเยอะแล้ว มันดูน่าเบื่อ

คุณค่าของผู้หญิงวัดกันที่อะไร

อาชีพการงานไม่ได้เป็นเครื่องวัดว่า คนคนนั้นดีหรือไม่ดี สิ่งสำคัญอยู่ที่จิตใจ คนเราต่อให้รูปร่างหน้าตาดี มีเงินเยอะ แต่จิตใจทราม บุคคลคนนั้นก็ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ที่ทราม  คุณค่าของคนมันวัดกันที่จิตใจ จิตใจของมนุษย์บ่งบอกถึงคุณค่าของความเป็นคนมากที่สุด

ใครด่าเราร้อยคน ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง และใจเราสูงเสียอย่างก็ไม่ต้องแคร์ ที่ผ่านมาคนบอกเราไม่ดี คนที่ด่าได้ดูเราหรือเปล่า งานก็คืองาน เราเต็มที่กับงาน กับบทบาทตรงนั้น แต่ไม่ได้สะท้อนว่าชีวิตจริงเราเป็นแบบนั้น การแสดงของคน ไม่ได้บอกว่า ตัวตนคนนั้นเป็นอย่างไร จะรู้จักกันจริงต้องนั่งคุยกัน ไม่ใช่แค่ดูในจอแล้วบอกว่า แน๊ตไม่ดี 

"ต่อให้ชีวิตดราม่าก็จะไม่ร้องไห้ให้ใครเห็น" แน๊ต-เกศริน ชัยเฉลิมพล

รู้สึกยังไงกับการกลับคืนสู่วงการบันเทิง

ช่วงนี้เพิ่งเริ่มต้น เราอยากทำทุกอย่างที่ตัวเองอยากทำ ตอนนี้ยังขาดเล่นละคร ภาพยนตร์ ซึ่งเริ่มมีผู้ใหญ่ให้โอกาสแล้ว  ตอนนี้มีซิงเกิ้ลเพลง “ใหญ่มาก” กับ “ดูดคอ” และกำลังจะมีซิลเกิ้ลที่สาม  ร้องกับพี่ไผ่ เทอร์โบ

กลับมาครั้งนี้ถือว่า เป็นไปตามที่เราคิดทุกอย่าง อาจจะเป็นเพราะว่าเราปฎิบัติธรรม ทำสมาธิ และบารมีที่แน๊ตสร้างด้วยการเมตตาต่อคน ทำให้เราไปถึงจุดที่เราคิดไว้ได้
 
วางเป้าหมายอนาคตของตัวเองไว้อย่างไร

แน๊ตชอบงานวงการบันเทิง ชอบเพราะมันท้าทาย ได้แสดงศักยภาพตลอดเวลา แต่เชื่อว่างานแสดงมันอยู่กับคนอย่างเราได้ไม่นาน เรามาในรูปแบบเซ็กซี่ รูปร่างของเรามันธรรมชาติ ซึ่งไปไวกว่าความสวยผิดธรรมชาติ สรีระของเราไปตามอายุกาล ซึ่งเราไม่คิดจะไปเสริมเติมแต่ง จบแค่ไหนแค่นั้น อยากทำให้มันดีที่สุด เก็บเงินสักก้อนและทำธุรกิจที่อยากทำต่อไป

ส่วนบั้นปลาย ทุกครั้งที่เข้าวัด เราอยากบวชตลอด พระบอกว่าเมื่อไหร่เราเป็นปึกแผ่นแล้วเราจะทิ้งทุกอย่าง ออกไปหาความสงบ เราว่าคงจะจริง เพราะเจอมาทุกอย่าง ชื่อเสียงตั้งแต่สูงสุดยันต่ำสุด สังคมต่างๆ เจอมาหมดแล้ว บั้นปลายอาจจะหาความสงบเข้าวัดจริงๆ

"ต่อให้ชีวิตดราม่าก็จะไม่ร้องไห้ให้ใครเห็น" แน๊ต-เกศริน ชัยเฉลิมพล