posttoday

สลากปีระกา งัดข้อผู้ค้า รอเวลา "ออนไลน์"

07 มกราคม 2560

เป็นที่รู้กันว่าการแก้ปัญหาสลากแพงแบบอยู่หมัด ต้องงัดมาตรการไม้ตายระยะสุดท้ายออกมาใช้คือ "การออกสลากออนไลน์"

โดย...กนกวรรณ บุญประเสริฐ

ในห้วงปีที่ผ่านมา การแก้ปัญหาสลากเกินราคา หรือสลากแพง ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ยังเน้นการล้อมกระชับพื้นที่ มีการปรับเปลี่ยนมาตรการอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อกรกับผู้ค้าสลากที่มีการปรับกลยุทธ์ ที่ยังคงมีการจำหน่ายสลากในราคาที่เกินกว่าที่กำหนด 80 บาท และยังจัดชุดรวมเล่มออกมาขายเกินราคา ยิ่งช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2559 ยิ่งรวมชุดขายเกินราคากันอย่างคึกคัก เพราะมีเลขเด็ดเลขดังเกิดขึ้นมากมาย แม้ภาพรวมตลาดสลากจะควบคุมราคาขายได้ตามที่กำหนดมากกว่า 80% ก็ตาม

ก่อนหน้านี้ พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะประธานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้สรุปการแก้ปัญหาสลากเกินราคา และการออกมาตรการตามแผน 3 ระยะ โดยระยะที่ 1 สำนักงานสลากฯ ได้ประกาศกำหนดราคาสลาก 80 บาททั่วประเทศ การยกเลิกรางวัลแจ็กพอต เพื่อกระจายการถูกรางวัลที่ 1 ให้ทั่วถึง ช่วยแก้ปัญหาการรวมชุด ลดการจำหน่ายสลากเกินราคา และยังเพิ่มการออกรางวัลเลขหน้า 3 ตัว เพื่อลดปัญหาเลขหน้าที่ไม่มีคนนิยมซื้อ

ขณะที่ระยะที่ 2 คือ การเพิ่มช่องทางเข้าถึงสลากของผู้ค้ารายย่อย ด้วยการเปิดให้จองผ่านธนาคารกรุงไทย ทำให้ลดปัญหายี่ปั๊วรวมสลากได้เป็นอย่างดี และการเพิ่มสลากจาก 37 ล้านคู่ เป็น 60 ล้านคู่ สะท้อนปริมาณความต้องการสลากที่แท้จริงในตลาด ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนสลากที่เหมาะสมและสมดุลแล้ว ทำให้ปัจจุบันสัดส่วนผู้ที่ได้รับสลากไปจำหน่าย แบ่งเป็นผู้ค้ารายย่อย 60% และมูลนิธิ องค์กร นิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคนพิการ 40%

นอกจากนี้ สำนักงานสลากฯ ได้ปรับการทำสัญญาผู้ค้าสลากรายย่อยที่มีอยู่กว่า 7 หมื่นราย หรือคิดเป็น 85% ของจำนวนสลากที่จำหน่าย ให้ต่อสัญญาทุก 6 เดือน และหากพบว่ามีการผิดสัญญา เช่น ขายเกินราคา หรือนำไปขายต่อ หรือนำไปรวมชุดขายจะถูกยกเลิกสัญญาทันที และเพิ่มอำนาจผู้ตรวจของสำนักงานสลากฯ หากพบผู้กระทำผิดสามารถบอกเลิกสัญญาได้ทันทีเช่นกัน

รวมทั้งได้เลื่อนระยะเวลาการรับสลากเริ่มต้นตั้งแต่งวดเดือน ธ.ค. 2559 ใช้รับสลากได้ช้าขึ้น ทำให้เหลือเวลาในการจำหน่าย 8-9 วัน จากเดิมมีเวลาจำหน่าย 14-15 วัน หลังพบว่ามีการนำสลากไปรวมชุดขายในตลาดสลากใหญ่ๆ เช่น ที่วังสะพุง จ.เลย ดังนั้นมาตรการลดวันจำหน่ายสลากให้เหลือ 8-9 วัน จะทำให้การรวมชุดเป็นไปได้ยาก สุดท้ายจะเหลือแต่ผู้ค้าสลากตัวจริงเท่านั้น

นอกจากนี้ จากข้อมูลจากการซื้อ-จองสลากล่วงหน้าที่ผ่านมาพบว่า มีผู้โอนเงินเข้าบัญชีเพื่อทำรายการครั้งละกว่า 9 หมื่นราย ในขณะที่มีผู้ทำรายการได้ครั้งละ 6.7 หมื่นราย เท่ากับยังมีผู้ที่เข้าไม่ถึงสลากอีกราว 2.3 หมื่นราย คิดเป็นปริมาณสลากที่ยังมีความต้องการอยู่อีกราว 1.5-1.6 เล่มคู่

ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาปัญหาความรุนแรงระหว่างผู้ค้าสลากในช่วงระหว่างที่รอคิวจองซื้อสลากหน้าตู้เอทีเอ็ม ซึ่งทางสำนักงานสลากฯ ประเมินว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่มีวันหยุดยาว และช่วงตรุษจีนที่มักจะมีความต้องการสลากค่อนข้างมาก ส่งผลให้ราคาสลากจะปรับตัวสูงขึ้น เพราะมีคนนิยมมอบสลากให้เป็นของขวัญ

ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการสลากฯ จึงได้เห็นชอบมาตรการพิมพ์สลากเพิ่ม เพื่อเป็นการทดสอบตลาดเป็นเวลา 4 งวด เริ่มจากงวดวันที่ 30 ธ.ค. 2559 ที่ผ่านมา พิมพ์สลากเพิ่มจาก 60 ล้านคู่ เป็น 65 ล้านคู่ งวดวันที่ 17 ม.ค. 2560 เตรียมพิมพ์สลาก 68 ล้านคู่ และงวดวันที่ 1 ก.พ. 2560 พิมพ์สลาก 68 ล้านคู่ ส่วนงวดวันที่ 16 ก.พ. 2560 สั่งพิมพ์สลากเพิ่มอีก 11 ล้านคู่ ส่งผลให้มีสลากเพิ่มเข้าสู่ระบบ 71 ล้านคู่ ถือว่ามากที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งสำนักงานสลากฯ โดยสาเหตุของมาตรการครั้งนี้ เนื่องจากต้องการพิมพ์สลากออกมารองรับช่วงเทศกาลต่างๆ โดยเฉพาะช่วงตรุษจีนที่มีผู้ค้าและประชาชนสนใจซื้อสลากเพิ่มขึ้น ดังนั้นการเพิ่มปริมาณสลากเข้าสู่ระบบ จะช่วยทำให้ราคาสลากขายกันอยู่ในราคาที่กำหนดคือคู่ละ 80 บาท

นอกจากนี้ ในช่วงปี 2560 สำนักงานสลากฯ เตรียมปรับรูปแบบการจำหน่ายสลากจากคู่ละ 80 บาท มีสลาก 2 ใบที่พิมพ์ติดกัน จะปรับรูปแบบการจำหน่ายสลากใหม่เป็นใบละ 80 บาท ออกสลากเป็นภาพภาพเดียว หรือ 1 ใบ ให้ง่ายต่อการผลิต ช่วยลดต้นทุน และสอดรับกับพฤติกรรมของผู้ซื้อที่มักจะซื้อสลาก 2 ใบอยู่แล้ว

รวมทั้งคาดว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะนำร่างแก้ไข พ.ร.บ.สำนักงานสลากฯ พ.ศ. 2517 ที่เสนอค้างไว้ตั้งแต่ปี 2559 นำเอามาพิจารณา เป้าหมายคือเปิดทางให้สำนักงานสลากฯ สามารถออกผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ และอาจรวมถึงการจำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อซึ่งไม่จำเป็นว่าหลังที่มีการแก้ไข พ.ร.บ.สำนักงานสลากฯ ครั้งนี้แล้ว จะต้องมีการเปลี่ยนรูปแบบการจำหน่ายสลากให้เป็นแบบออนไลน์ในทันที

ทั้งนี้ ใน พ.ร.บ.สำนักงานสลากฯ ที่แก้ไขใหม่ กำหนดให้ผู้จำหน่ายมีใบอนุญาตขายสลาก เหมือนกับใบขับขี่รถยนต์ จักรยานยนต์ หากไม่มีใบอนุญาตจะถือว่ามีความผิดปรับ 1 หมื่นบาท จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ

อย่างไรก็ดี เชื่อว่ามาตรการที่กำลังจะทยอยออกมาในปี 2560 จะเป็นเพียงมาตรการล้อมกระชับพื้นที่บีบให้ผู้ค้าสลากที่ทำผิดกฎหมาย ขายสลากเกินราคา รวมชุดขายได้ยากมากขึ้น

เป็นที่รู้กันว่าการแก้ปัญหาสลากแพงแบบอยู่หมัด ต้องงัดมาตรการไม้ตายระยะสุดท้ายออกมาใช้คือ “การออกสลากออนไลน์” แต่เชื่อว่าท้ายที่สุดสำนักงานสลากฯ และรัฐบาล จะยังคงเก็บไม้ตายนี้วางไว้บนหิ้งก่อน เพื่อรอเวลาที่เหมาะสม ซึ่งต้องมองผลกระทบทั้งมิติของภาคการเมือง ที่จะต้องทำเรื่องให้เป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพก่อน หรือไม่ก็ทำตอนปลายรัฐบาล

นอกจากนี้ ต้องคำนึงถึงมิติของภาคสังคมที่จะกระทบผู้ค้ารายย่อย ผู้ค้าสลากคนพิการนับแสนราย เพราะประวัติศาสตร์เคยเกิดขึ้นแล้วสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ที่ให้ออกสลากออนไลน์ ปรากฏว่าสลากใบขายไม่ออก เรียกว่าเป็นช่วงที่สลากใบตายไปโดยปริยาย

จึงเป็นประเด็นที่ต้องจับตาต่อว่า หากมาตรการที่สำนักงานสลากฯ ออกมาแล้ว ทางผู้ค้าสลากยังไม่ยอมรามือ เรื่องการขายสลากเกินราคาและรวมชุด จะกลายเป็นตัวเร่งให้สำนักงานสลากฯ และรัฐบาลอาจต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อแก้ปัญหาสลากแพงได้แบบเบ็ดเสร็จสักวันหนึ่งก็เป็นได้ แต่หากผู้ค้าสลากยอมที่จะขายสลากตามราคาที่กำหนดคู่ละ 80 บาท เชื่อว่าการจำหน่ายสลากใบน่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมในเวลานี้ เพราะยังเป็นที่นิยมของคนชอบเสี่ยงส่วนใหญ่ของประเทศอยู่