posttoday

บัวแก้วลงพื้นที่สายตะกู เร่งยกระดับด่านถาวร

06 กรกฎาคม 2559

ผ่านมากว่า 5 ปีแล้ว นับแต่มีการอนุญาตให้ช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ตรงข้าม อ.บันเตียอำปึล จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา

โดย...สุรชัย พิรักษา

ผ่านมากว่า 5 ปีแล้ว นับแต่มีการอนุญาตให้ช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ตรงข้าม อ.บันเตียอำปึล จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา เป็นจุดผ่อนปรนเพื่อการค้าระหว่างประชาชนตามแนวชายแดนจากการเปิดค้าขายได้สัปดาห์ละ 1 วันตั้งแต่ปี 2554

ในช่วงแรกที่มีการเปิดจุดผ่อนปรนมีเงินสะพัดเพียงสัปดาห์ละประมาณ 4-5 แสนบาท

ต่อมาในเดือน มิ.ย. 2557 ก็ขยายเวลาการค้าเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ละ 3 วัน มีกระแสตอบรับจากประชาชนทั้งสองฝั่งและมีเงินสะพัดเพิ่มมากขึ้น กระทั่งในเดือน ต.ค.ปีเดียวกัน ก็ขยายเวลาเปิดทำการค้าขายตลอดทั้งสัปดาห์ มูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ละประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งทำให้หลายฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนมุ่งหวังจะยกระดับช่องสายตะกูเป็นจุดผ่านแดนถาวร เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้า

ล่าสุด ชัยสิริ อนะมาน ที่ปรึกษา รมว.ต่างประเทศ พร้อมคณะกระทรวงการต่างประเทศลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ร่วมหารือกับหัวหน้าส่วนราชการและภาคเอกชนเพื่อขับเคลื่อนพัฒนาด้านการค้า การลงทุน วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว โดยการยกระดับช่องสายตะกูให้เป็นจุดผ่านแดนถาวรถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ

การหารือในที่ประชุมสรุปว่า ที่ผ่านมาทั้งประเทศไทยและกัมพูชาได้พยายามเดินหน้าผลักดัน เพื่อยกระดับเป็นจุดผ่านแดนถาวรมาอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ทุกฝ่ายก็เห็นชอบให้เปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวร แต่ยังติดปัญหาเพียงการอนุญาตใช้พื้นที่ เนื่องจากบริเวณช่องสายตะกูดังกล่าวอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติตาพระยา

“เชื่อว่าหากมีการยกระดับจากจุดผ่อนปรนช่องสายตะกูเป็นจุดผ่านแดนถาวรก็จะส่งผลดีทั้งด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว หากเปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวรอย่างเป็นทางการแล้ว ก็จะเป็นการเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี เพราะไม่ใช่เฉพาะนักท่องเที่ยวจากกัมพูชาเท่านั้น แต่จะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอีกหลายประเทศก็จะเดินทางมาเที่ยวเพิ่มมากขึ้น แต่ผ่านมากว่า 5 ปี แล้วยังไม่สามารถเปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวรได้ ดังนั้นกระทรวงการต่างประเทศก็จะได้นำข้อมูลจากการลงพื้นที่ไปหาแนวทางผลักดันในการยกระดับช่องสายตะกูต่อไป” ที่ปรึกษา รมว.ต่างประเทศ กล่าว

ทั้งนี้ การหารือระหว่าง ดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ และปรัก สุคน รมว.ต่างประเทศกัมพูชา เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เห็นชอบที่จะเร่งรัดเปิดจุดผ่านแดนถาวรใหม่ 5 แห่ง ได้แก่ บ้านหนองเอี่ยน จ.สระแก้ว ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี บ้านเขาดิน จ.ตราด บ้านท่าเส้น จ.ตราด ทมอดา จังหวัดโพธิสัต และช่องสายตะกู จ.บุรีรัมย์ โดยกัมพูชาพร้อมจะยกระดับการค้าการลงทุนกับประเทศไทยจาก 5,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปัจจุบัน ให้เพิ่มขึ้นอีก 3 เท่า ภายในปี พ.ศ. 2563 ซึ่งจะมีการนำเรื่องการเปิดจุดผ่านแดนถาวรทั้ง 5 แห่ง เข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-กัมพูชา หรือเจซี ในเดือน ส.ค.นี้ ที่กรุงเทพฯ