posttoday

อินซ์เทคฯ บุกเพื่อนบ้าน รับอุตสาหกรรมการผลิตโต

24 พฤษภาคม 2559

ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ประเทศไทยถือเป็นฐานการผลิตสินค้าสำคัญจากผู้ว่าจ้างผลิตหรือเจ้าของสินค้า (โออีเอ็ม)

โดย...ดวงใจ จิตต์มงคล

ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ประเทศไทยถือเป็นฐานการผลิตสินค้าสำคัญจากผู้ว่าจ้างผลิตหรือเจ้าของสินค้า (โออีเอ็ม) ในตลาดต่างประเทศ จากหลายปัจจัยที่เป็นข้อได้เปรียบเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน และจากอุตสาหกรรมโรงงานที่มีจำนวนมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องเกิดขึ้นตามมา อย่างเช่นธุรกิจบริการสอบเทียบเครื่องมือวัดอุตสาหกรรม ที่เติบโตตามภาคการผลิตของไทย 

ญาดา โคระทัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินซ์เทค เมโทรโลจิคอล เซ็นเตอร์ ผู้ให้บริการศูนย์สอบเทียบเครื่องมือวัดอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากโอกาสทางธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมการผลิต อย่างโรงงานต่างๆ ในไทยที่มีจำนวนมาก และมีการแข่งขันทางมาตรฐานการผลิตสูง ที่นอกเหนือจากการได้รับมาตรฐานการผลิตด้านต่างๆ จากหน่วยงานภาครัฐ อย่างสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) แล้ว

ขณะเดียวกันมาตรฐานการผลิตจากต่างประเทศ เช่น ไอเอสโอ 9000 หรืออื่นๆ ก็จะมีข้อกำหนดมาตรฐานการผลิตต่างๆ อย่างการดูแลรักษาเครื่องมืออุปกรณ์ ฯลฯ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่จะเข้ามารับประกันมาตรฐานโรงงานนั้นๆ ที่ต้องการขยายฐานการรับลูกค้าจากต่างประเทศ ด้วยบริการดังกล่าวถือว่ามีความสำคัญทีเดียวกับอุตสาหกรรมผู้ผลิตกลุ่มสินค้าต่างๆ ในปัจจุบัน ที่ต้องชิงความได้เปรียบจากต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า ซึ่งหากในโรงงานต่างๆ มีการทดสอบประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่องก็จะเข้ามาช่วยให้โรงงานสามารถเดินสายการผลิตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐาน

สำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทจะเป็นในลักษณะธุรกิจต่อธุรกิจ (บีทูบี) เป็นหลัก โดยบริษัทจะเข้าไปเป็นผู้ให้บริการสอบเทียบเครื่องมือวัดอุตสาหกรรม โดยบริษัทยังเป็นตัวแทนผู้รับสิทธิ (ไลเซนส์) ทำตลาดเครื่องมือภายใต้แบรนด์ SIKA จากประเทศเยอรมนี และในส่วนงานบริการจากสหรัฐ ซึ่งการขยายธุรกิจของบริษัทยังจะไปพร้อมกับการคัดเลือกผู้จัดจำหน่ายสินค้าที่เหมาะสมที่จะเข้ามาดูแลตลาดในแต่ละพื้นที่ด้วย

ทั้งนี้ จากการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) บริษัทยังมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในตลาดดังกล่าวเช่นกัน โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้านซีแอลเอ็มวี ที่อยู่ใกล้ชิดกับไทย ทั้งกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม และจากการขยายตัวในภาคอุตสาหกรรมการผลิตโรงงานที่กำลังเติบโตสูงมากในขณะนี้ และเชื่อว่าจะมีความต้องการใช้บริการดังกล่าวเพิ่มขึ้นตามมา

สำหรับการเข้าตลาดเพื่อนบ้านในเบื้องต้น บริษัทจะใช้วิธีการคัดเลือกพันธมิตรธุรกิจเพื่อเข้ามารับสิทธิจากบริษัทที่เป็นตัวแทนทำตลาดในแต่ละประเทศแต่ละท้องถิ่น และมองว่าการศึกษานิสัยใจคอของคู่ค้าให้ลึกซึ้ง ถ่องแท้ ก่อนตัดสินใจเลือกจะช่วยรักษาธุรกิจร่วมกันได้ในระยะยาว ส่วนหนึ่งผ่านโครงการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (Young Entrepreneur Network Development Program) หรือ YEN-D ที่ต่อเนื่องจากปีแรกที่ผ่านมา เพื่อสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการธุรกิจในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี เพื่อผลประโยชน์ทางการค้าร่วมกันในระยะยาว

“ก่อนหน้านี้ จะมีลูกค้าจากกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีติดต่อเข้ามาผ่านการค้นหาจากเว็บไซต์ที่สนใจมาเป็นพาร์ตเนอร์ธุรกิจ ด้วยมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมการผลิตในภูมิภาคอาเซียน ที่ยังเติบโตได้อีกมากในอนาคต ซึ่งบริษัทได้รับสิทธิในการทำตลาดจากบริษัทแม่ในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีด้วย” ญาดา เล่า

ปัจจุบัน บริษัทสามารถเข้าไปให้บริการหน้างาน (ออนไซต์) ให้กับลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมโรงงานต่างๆ ทั่วประเทศ นอกเหนือจากการให้บริการที่ศูนย์ทดสอบ (แล็บ) เครื่องมือ ซึ่งตั้งอยู่ในย่านสายไหม ซึ่งมีโรงงานกว่า 1,000 แห่ง เข้ามาใช้บริการแล้ว

สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้ บริษัทจะเน้นการทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น ผ่านโครงการบริการ (โปรเจกต์ เซอร์วิส) ต่างๆ ทั้งเพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่า และขยายฐานลูกค้าใหม่ไปพร้อมกัน โดยเฉพาะในตลาดซีแอลเอ็มวี โดยวางเป้าหมายภายในปีนี้ จะสามารถคัดเลือกตัวแทนจำหน่ายได้ประเทศละ 2 ราย คาดจะดำเนินการได้ที่ สปป.ลาว เป็นประเทศแรก และตามด้วยเมียนมา เวียดนาม และกัมพูชา

โดยเฉพาะในตลาดเมียนมา ที่ขณะนี้อุตสาหกรรมก่อสร้างมีอัตราเติบโตสูงมาก และยังพบว่าโรงงานหลายแห่งที่กำลังก่อสร้างในเมียนมายังได้ว่าจ้างให้ผู้รับเหมาก่อสร้างจากไทยเข้าไปดำเนินการ และยังมีความต้องการด้านเฟอร์นิเจอร์สำนักงานเพิ่มขึ้นอีกในไม่ช้านี้ ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งโอกาสทางธุรกิจ ด้วยบริษัทยังให้บริการแล็บเฟอร์นิเจอร์เพื่อทำตลาดให้กับประเทศเมียนมาด้วย ซึ่งจะสามารถขยายตลาดไปยังประเทศอื่นๆ ได้อีกด้วย

จากแผนดังกล่าวบริษัทวางเป้าหมายการเติบโตธุรกิจในปีนี้อยู่ที่ 15% ซึ่งรวมถึงยอดขายในตลาดซีแอลเอ็มวีด้วย