posttoday

‘ท็อปเฮลตี้’ สมุนไพรออร์แกนิก แนะเทคนิคเจาะตลาดลาว

14 มิถุนายน 2559

ผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ (ออร์แกนิก) ตลอดจนกลุ่มสินค้าสมุนไพร ที่ปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมในตลาดทั่วโลก รวมถึงในอาเซียน

โดย...ดวงใจ จิตต์มงคล

ผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ (ออร์แกนิก) ตลอดจนกลุ่มสินค้าสมุนไพร ที่ปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมในตลาดทั่วโลก รวมถึงในอาเซียน ที่มีความต้องการสูงขึ้นในกลุ่มผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ ซึ่งจากแนวโน้มที่เกิดขึ้นถือเป็นโอกาสในการทำตลาดสินค้าดังกล่าวสำหรับผู้ประกอบการไทยในขณะนี้

ปุณยนุช แก้วยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ท็อปเฮลตี้ ผู้ผลิตและทำตลาดสินค้าสมุนไพรคาวตอง ตรา พี เฮิร์บ น้ำมันรำข้าวไรซ์ซีโอ และผลิตภัณฑ์สปา กล่าวถึงกระแสความนิยมผลิตภัณฑ์-บริการในกลุ่มผู้บริโภค (คอนซูเมอร์ โปรดักส์) ใน สปป.ลาว ว่า ปัจจุบันมีความต้องการสินค้าที่มาจากธรรมชาติหรือสมุนไพรเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งมาจากพฤติกรรมหลักของผู้บริโภคในประเทศที่นิยมใช้สินค้าที่มาจากผลผลิตทางการเกษตรธรรมชาติและปราศจากสารเคมี

จากแนวโน้มดังกล่าว มองว่าเป็นโอกาสของผู้ประกอบการธุรกิจสินค้ากลุ่มสมุนไพรประเภทต่างๆ จากไทยในเวลานี้ ที่ต้องการขยายตลาดไปยัง สปป.ลาว โดยอาศัยข้อได้เปรียบด้านการขนส่งกระจายสินค้า (โลจิสติกส์) ที่สะดวกและมีต้นทุนต่ำกว่าเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งอื่นๆ ที่ทำตลาดสินค้าประเภทเดียวกัน รวมถึงข้อกฎหมายบางประการในสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มใน สปป.ลาว ซึ่งมีความยืดหยุ่นกว่า

“ผู้บริโภคชาวลาวจะชื่นชอบสินค้าสมุนไพรธรรมชาติมาก จากเดิมจะมีการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นนำพืชสมุนไพรต่างๆ ที่คล้ายคลึงกับแถบอีสานของไทยไปคั้นดื่มเพื่อสุขภาพแต่ปัจจุบันหากมีการนำสมุนไพรไปแปรรูปสินค้าแล้วก็จะยิ่งช่วยทำตลาดได้ง่ายขึ้น” ปุณยนุช กล่าว

สำหรับการเข้าตลาด สปป.ลาวนั้น ผู้ประกอบการไทยควรจะร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจท้องถิ่นเพื่อขยายการทำตลาดร่วมกันในช่องทางต่างๆ ด้วยจะมีความชำนาญและ
คุ้นเคยกับคนในประเทศดีกว่า รู้นิสัยใจคอและพฤติกรรม และที่สำคัญผู้บริโภคชาวลาวจะมีความเป็นชาตินิยมสูง และเชื่อใจตราสินค้าที่อยู่มานานจนติดตลาดและพร้อมที่จะหันกลับมาซื้อซ้ำบ่อยๆ หากแบรนด์ผลิตภัณฑ์นั้นๆ เป็นที่ไว้วางใจของคนลาวแล้ว 

บริษัทได้นำสินค้าเข้าไปทำตลาดใน สปป.ลาว ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา และได้การตอบรับดีจากกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภคที่นิยมสินค้าสมุนไพรหรือจากธรรมชาติ ผ่านการวางจำหน่ายสินค้าในช่องทางขายของพันธมิตรท้องถิ่นที่ดำเนินธุรกิจค้าปลีกเครื่องประดับ และเฟอร์นิเจอร์ ในเมืองเวียงจันทน์ รวมถึงช่องทางร้านสะดวกซื้อ จิฟฟี่ มินิมาร์ท เป็นต้น ซึ่งในเบื้องต้นมีคำสั่งซื้อสินค้าในปริมาณที่ยังสามารถใช้บริการขนส่งทางบก หรือผ่านช่องทางค้าชายแดนได้

ขณะที่แนวทางการทำธุรกิจใน สปป.ลาวนั้น เห็นว่าปัจจุบันตลาดในประเทศดังกล่าวมีความต้องการด้านเทคโนโลยีที่นำมาช่วยการผลิตหรือเพื่อแปรรูปสินค้าที่มาจากธรรมชาติสูงมากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสของผู้ที่สนใจที่จะเข้าไปขยายตลาดนี้

หรืออีกวิธีหนึ่ง คือ การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรหรือธรรมชาติแบบสำเร็จรูปที่สามารถเข้าไปทำตลาดได้ทันที แต่อย่างหลังจะต้องมีพันธมิตรหรือคู่ค้าที่มีความแข็งแกร่งในตลาดท้องถิ่น เพื่อช่วยกระจายสินค้าด้วย ที่ปัจจุบันนักธุรกิจในลาวก็มีความต้องการนำสินค้าที่ดีเข้ามาจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น

 

‘ท็อปเฮลตี้’ สมุนไพรออร์แกนิก แนะเทคนิคเจาะตลาดลาว

 

นอกจากนี้ การนำผลิตภัณฑ์เพื่อไปออกบูธแสดงสินค้าในแต่ละตลาดที่ต้องการจะเข้าถึงก็ถือว่ามีความสำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะในตลาดลาว ที่ผู้บริโภคต้องการความเชื่อมั่นสูงในสินค้านั้นๆ ซึ่งมองว่าตลาดนี้ไม่ใช่มีทุนอย่างเดียวแล้วจะเข้าไปได้ แต่จะต้องมีสายสัมพันธ์ (คอนเนกชั่น) ที่ดีกับคนชำนาญพื้นที่ตลาดจริงๆ ด้วย ซึ่งมองว่าการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับพาร์ตเนอร์ชาวลาวเป็นสิ่งสำคัญมาก

ขณะที่ในอนาคตบริษัทยังวางแผนขยายการทำตลาดสินค้าไปยังเมืองอื่นๆ ของ สปป.ลาว ที่มีศักยภาพ และมีความต้องการสินค้ากลุ่มสมุนไพร โดยจะใช้กลยุทธ์การทำการค้าผ่านชายแดนระหว่างจังหวัดที่เชื่อมต่อกัน เช่น เมืองปากเซ และอุบลราชธานี หรือในเมืองอื่นๆ ที่ปัจจุบันมีรถทัวร์เดินทางข้ามระหว่างจังหวัดไปมาได้ทั้งสองฝั่งประเทศ

ทั้งนี้ หากตลาดใน สปป.ลาว มีความต้องการสินค้าจำนวนมากขึ้น หรือบิ๊กล็อต บริษัทก็มีความพร้อมด้านกำลังการผลิตที่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดเช่นกัน จากปัจจุบันจะมีทั้งโรงงานผลิตสินค้าเอง และใช้การว่าจ้างผลิตจากภายนอก (เอาต์ซอร์สซิ่ง) ในย่านบางบัวทอง ซึ่งในอนาคตยังมองถึงการขยายการทำตลาดสินค้าสมุนไพรทั้งกลุ่มเครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์สปา ไปยังประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ทั้งกัมพูชา เมียนมา และเวียดนามด้วย

พร้อมเสริมว่า นอกจากการทำตลาดสินค้าใน สปป.ลาว แล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญกับการทำตลาดในประเทศเช่นกัน จากปัจจุบันได้นำสินค้าต่างๆ เข้าไปอยู่ในช่องทางขายซูเปอร์มาร์เก็ตกว่า 90% และยังมุ่งทำตลาดในช่องทางค้าปลีกทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ โดยเฉพาะในร้านตำรับไทยทั้ง 45 สาขา ที่กระจายอยู่ในศูนย์การค้า เป็นต้น

สำหรับปีนี้ บริษัทจะมุ่งสร้างแบรนด์สินค้าภายในเครือท็อปเฮลตี้ ทั้งกลุ่มสมุนไพรเครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์สปาต่างๆ ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมทั้งจะนำสินค้าขยายการทำตลาดผ่านช่องทางตะเข็บชายแดนมากขึ้น คาดสิ้นปี 2559 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%