posttoday

ลักซ์ชัวรี่คอนโดมาแรง เศรษฐีแห่ซื้อลงทุน

26 กุมภาพันธ์ 2558

เศรษฐีไทยมองเห็นโอกาสการอยู่อาศัยและการซื้อเพื่อลงทุน จึงทำให้ซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ คอนโดมิเนียมมียอดขายเร็วมาก

โดย...โชคชัย สีนิลแท้  

กลายเป็นประเด็นช็อกวงการอสังหาฯ เมื่อโครงการคอนโดมิเนียมหรู "นิมิต หลังสวน" มูลค่าโครงการ 7,500 ล้านบาท สูง 53 ชั้น จำนวน 187 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 25 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 3 แสนบาท/ตารางเมตร (ตร.ม.) ของค่าย เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น ที่เพิ่งเปิดตัวโครงการให้กับกลุ่มลูกค้าเก่าเมื่อ 11 วันก่อนหน้านี้ ในงาน ไพรเวท วีวีไอพี พรีเซลส์ เพราะแค่ 2 วันแรก คว้ายอดจองสูงถึง 70%

สรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ กล่าวว่า ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าโครงการราคาแพงระดับ 3 แสนบาท/ตร.ม. ของโครงการนิมิต หลังสวน จะมียอดจองซื้อในระยะเวลาสั้น เพราะภาวะเศรษฐกิจในเวลานี้ยังไม่ดีมากนัก แต่ลูกค้าเห็นถึงศักยภาพของที่ดินในทำเลกลางเมืองติดกับสวนลุมพินีและขายในรูปแบบฟรีโฮลด์ อีกทั้งผลดีจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่กำลังมาถึงเป็นโอกาสในการซื้อไว้ลงทุน

"เศรษฐีไทยมองเห็นโอกาสการอยู่อาศัยและการซื้อเพื่อลงทุน จึงทำให้ซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ คอนโดมิเนียมมียอดขายเร็วมาก โดยเห็นผลหลักที่ทำให้ขายดีนั้นมาจากชื่อเสียงของผู้ประกอบการ และราคาขายหากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์  ฮ่องกงนั้นยังมีราคาต่ำกว่าหลายเท่าตัว" สรพจน์ กล่าว

สำหรับในปีนี้บริษัทจะเปิดตัวโครงการหรู 2 โครงการคือโครงการนิมิต หลังสวน กับโครงการมหาสมุทร หัวหิน ซึ่งเป็นบ้านตากอากาศบนที่ดิน 200 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 40 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 3,280 ล้านบาท โดยจะใช้เงินลงทุนประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้กว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งในปีนี้จะทะยอยโอน 2-3 โครงการ ซึ่งจะโอนในปีนี้จำนวน 2,000 ล้านบาท

จากก่อนหน้านี้ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ได้เริ่มเปิดให้จองโครงการศาลาแดง วัน มูลค่า 3,700 ล้านบาท จำนวน 185 ยูนิต สูง 33 ชั้น ราคาขาย 2.8 แสนบาท/ตร.ม. หรือมีราคาขายเริ่มต้น 13 ล้านบาท ซึ่งโครงการอยู่ระหว่างก่อสร้างสำนักงานที่จะก่อสร้างเสร็จและเปิดให้จองกลางเดือน พ.ค.นี้   

ขณะที่ บริษัท เคพีเอ็น กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมแบรนด์ เดอะ แคปปิตอลและ เดอะ ดิโพลแมท ได้เปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ "เดอะ ดิโพลแมท 39" ราคาเฉลี่ย ตร.ม.ละ 2.8 แสนบาท หรือเริ่มต้นยูนิตละ 15 ล้านบาท บนที่ดินเกือบ 2 ไร่ ต้นซอยสุขุมวิท 39  พัฒนาเป็นตึกสูง 31 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 156 ยูนิต ตลาดให้การตอบรับดีเช่นกัน

ด้านบริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ หรือคิวเฮ้าส์ ก็เตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียมหรูราคาแตะ 3 แสนบาท/ตร.ม. กับโครงการคิว นานา  ซึ่งเตรียมจะเปิดตัวในวันที่ 3 มี.ค.นี้ เนื่องจากลูกค้าระดับบนนี้มีความต้องการซื้อสูงและส่วนใหญ่มองหาโอกาสในการซื้อไว้เพื่ออยู่อาศัยเองและเพื่อลงทุน                              

อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี บริษัทที่ปรึกษาและวิจัยทางด้านอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าชาวไทยที่มีความมั่งคั่งสูง กลับมาให้ความสนใจในตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมหรูที่เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากมีโครงการใหม่เกิดขึ้นหลายทำเลในใจกลางกรุงเทพฯ และเริ่มเห็นกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะจากสิงคโปร์ ฮ่องกง มองหาโอกาสการลงทุนในโครงการที่พักอาศัยระดับบน

ปัจจุบันตลาดคอนโดมิเนียมในย่านใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ ในปี 2558 มีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นจากการเปิดโครงการใหม่ และจะเริ่มเห็นนักลงทุนชาวต่างชาติมาลงทุนมากขึ้น เป็นผลมาจากสถานการณ์ทางการเมืองไทยที่มีความมั่นคงมากขึ้น

สำหรับภาพรวมตลาดสดใสสำหรับโครงการระดับหรูในปี 2557 แม้เป็นปีที่ดูไม่คึกคัก แต่กลับมีการทำลายสถิติราคาคอนโดมิเนียมที่ระดับราคามากกว่า 3 แสนบาท/ตร.ม. ถึง 5 โครงการด้วยกัน ได้แก่ 185 ราชดำริ ที่ราคา 3.3 แสนบาท/ตร.ม. เดอะ สุโขทัย เรสซิเดนซ์เซส เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟรอนท์ เรสซิเดนซ์ และมาร์ค สุขุมวิท ที่ราคา 3.1 แสนบาท/ตร.ม.

“ตลาดคอนโดมิเนียมหรูได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นตลาดที่แข็งแกร่งและมีอัตราการยกเลิกการจองซื้อในระดับที่ต่ำมาก ต่างจากตลาดเก็งกำไร”อลิวัสสา กล่าว

ทั้งนี้ การที่โครงการเหล่านี้สามารถแตะราคาในระดับดังกล่าว มิได้มาจากปัจจัยเพียงประการเดียว แน่นอนว่าทำเลที่ตั้งมีบทบาทที่สำคัญมาก รวมถึงโครงการเหล่านี้สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ในหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าใจในความต้องการของตลาด ขนาดห้อง การออกแบบ รวมทั้งจุดขายในด้านอื่นๆ เช่นการบริหารอาคารโดยเครือโรงแรมระดับสากล

นอกจากนี้ ราคาคอนโดมิเนียมที่เพิ่มสูงขึ้นยังส่งผลให้ราคาคอนโดมิเนียมที่นำมาขายต่อ หรือรีเซลส์ ปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย แม้จะขยับขึ้นในระดับที่น้อยกว่าก็ตาม โครงการที่สร้างเสร็จมามากกว่า 10 ปี และตั้งอยู่ในทำเลชั้นดีอย่าง เช่น แอทธินี เรสซิเดนซ์ และเดอะ พาร์ค ชิดลม สามารถทำราคาได้มากกว่า 2 แสนบาท/ตร.ม. ซึ่งสูงกว่าราคาที่ขายเมื่อ 10 ปีที่แล้วที่การก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จถึงเท่าตัว 

ขณะเดียวกันการบริหารจัดการอาคารที่ดี  และการปรับปรุงอาคารเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้มูลค่าอาคารเก่าเพิ่มสูงขึ้น

นี่คือเหตุผลว่าทำไมทำเลที่ตั้งมิใช่ปัจจัยเพียงประการเดียวที่เป็นตัวกำหนดในเรื่องราคา และเป็นไปได้ว่ามีคอนโดมิเนียมที่แล้วเสร็จก่อนปี 2540 ที่ราคาแทบไม่ขยับในช่วงเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา